Published May 7, 2025 ⦁ 3 min read

รู้จักสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาแชทผีใน Facebook Messenger เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารกับลูกค้า.

5 สาเหตุที่ทำให้เกิด "แชทผี" ในช่องทาง Facebook Messenger ของธุรกิจคุณ

5 สาเหตุที่ทำให้เกิด "แชทผี" ในช่องทาง Facebook Messenger ของธุรกิจคุณ

"แชทผี" คืออะไร?
คือสถานการณ์ที่ลูกค้าเริ่มพูดคุยกับแบรนด์ผ่าน Facebook Messenger แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ทำให้การสนทนาค้างคาและส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เช่น สูญเสียลูกค้า งบโฆษณาเสียเปล่า และภาพลักษณ์แบรนด์เสียหาย

สาเหตุหลักของ "แชทผี" และวิธีแก้ไข:

  1. ตั้งกลุ่มเป้าหมายไม่ถูกต้อง
    • ปัญหา: โฆษณาไปถึงคนที่ไม่สนใจ
    • วิธีแก้: ปรับกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะ เช่น ใช้ Meta Pixel และ Lookalike Audiences
  2. ตั้งค่าแชทบอทผิดพลาด
    • ปัญหา: บอทตอบไม่ตรงคำถาม
    • วิธีแก้: ปรับข้อความตอบกลับและตรวจสอบระบบซ้ำซ้อน
  3. ขาดการควบคุมสแปม
    • ปัญหา: ข้อความหลอกลวง/รีวิวปลอม
    • วิธีแก้: ตั้งค่ากรองข้อความและบล็อกบัญชีสแปม
  4. ตอบกลับล่าช้า
    • ปัญหา: ลูกค้าเสียความเชื่อมั่น
    • วิธีแก้: ใช้แชทบอทช่วยตอบทันทีและตั้งข้อความอัตโนมัติ
  5. ไม่ติดตามผลการสื่อสาร
    • ปัญหา: ไม่ทราบจุดที่ต้องปรับปรุง
    • วิธีแก้: วิเคราะห์ตัวชี้วัด เช่น อัตราการตอบกลับ และปรับปรุงตามข้อมูล

สรุป:
การแก้ปัญหา "แชทผี" ต้องเริ่มจากการตั้งกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ ปรับปรุงแชทบอท ควบคุมสแปม ตอบกลับเร็ว และติดตามผลการสื่อสาร หากดำเนินการครบถ้วน ธุรกิจจะเพิ่มยอดขายและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

แก้แชทผี Facebook Ads บทเรียนจากลูกค้า ยอดขาย 100 ล้าน

1. การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่ไม่ถูกต้อง

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหา "แชทผี" บน Messenger เพราะแบรนด์อาจสื่อสารกับผู้ที่ไม่ได้สนใจสินค้าหรือบริการจริง ๆ ส่งผลให้เสียทั้งงบประมาณและทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์

1.1 ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายกว้างเกินไป

  • การเลือกความสนใจจำนวนมากเกินไป ทำให้โฆษณาแสดงต่อผู้ที่อาจสนใจแค่บางส่วน
  • ไม่มีการแบ่งกลุ่มตามข้อมูลประชากรศาสตร์ ทำให้ข้อความไม่ตรงจุด
  • เปลี่ยนตัวแปรหลายอย่างพร้อมกัน ส่งผลให้วิเคราะห์ไม่ได้ว่าอะไรได้ผลจริง

การไม่คัดกรองกลุ่มเป้าหมาย

  • ไม่ตัดผู้ที่ไม่มีแนวโน้มสนใจสินค้าออกจากกลุ่มเป้าหมาย
  • ไม่แยกแคมเปญสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า
  • ไม่กรองกลุ่มที่อาจเป็นคู่แข่งออกจากการแสดงโฆษณา

1.2 วิธีแก้ไขการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย

ปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสม

  • แยกกลุ่มผู้ชม: สร้างแคมเปญที่เฉพาะเจาะจง เช่น แคมเปญหาลูกค้าใหม่ กระตุ้นความสนใจซ้ำ และรีทาร์เก็ตติ้ง
  • ใช้เครื่องมือของ Meta อย่างเต็มที่:
    • ติดตั้ง Meta Pixel เพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้
    • สร้าง Custom Audiences จากข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่
    • ใช้ Lookalike Audiences เพื่อเข้าถึงผู้ที่มีลักษณะคล้ายกับลูกค้าปัจจุบัน
  • จัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม:
    • ใช้งบประมาณ 60-70% สำหรับการหาลูกค้าใหม่
    • ส่วนที่เหลือสำหรับการรีทาร์เก็ตติ้งและสร้างการมีส่วนร่วมซ้ำ

ตัวอย่างการคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ

  • ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ควรคัดกรองผู้ที่เพิ่งย้ายบ้านออก เพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงโฆษณาให้กับผู้ที่ไม่มีความต้องการซื้อบ้านในตอนนี้.
  • ที่ปรึกษาทางการเงินควรหลีกเลี่ยงการแสดงโฆษณาให้กับผู้ที่ทำงานในสายอาชีพเดียวกัน เพื่อลดโอกาสที่โฆษณาจะไปถึงคู่แข่ง.

การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องช่วยลดปัญหาแชทผีได้ แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลต่อปัญหานี้อีกด้วย

2. การตั้งค่าแชทบอทที่ไม่ถูกต้อง

หลังจากปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายแล้ว อีกสิ่งที่ต้องใส่ใจคือการตั้งค่าแชทบอทให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า หากตั้งค่าผิดพลาด อาจทำให้เกิด "แชทผี" หรือข้อความที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ส่งผลต่อโอกาสทางธุรกิจโดยตรง

2.1 ปัญหาที่พบบ่อยในแชทบอท

ระบบตอบกลับอัตโนมัติทำงานขัดแย้งกัน

  • ระบบตอบกลับอัตโนมัติจากหลายแพลตฟอร์มทำงานซ้ำซ้อนกัน
  • การตั้งค่าที่ไม่สอดคล้องกันทำให้แชทบอทไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
  • การตั้งค่าของ Facebook Page's Inbox อาจไม่ตรงกับระบบแชทบอท

ข้อผิดพลาดในการจัดการการสนทนา

  • ลบประวัติสนทนาโดยไม่ได้อัปเดตรายชื่อติดต่อ
  • ไม่แบ่งประเภทข้อความตามหัวข้อการสนทนา
  • ระบบไม่รองรับการจัดการคอมเมนต์อย่างเหมาะสม

2.2 วิธีตั้งค่าแชทบอทให้ทำงานได้ดีขึ้น

ปรับปรุงระบบอัตโนมัติให้เหมาะสม

  • จัดการความซ้ำซ้อนของระบบ:
    • ปิดการตอบกลับอัตโนมัติในส่วน "Messaging"
    • เลิกเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มบอทที่ไม่จำเป็น
    • ตรวจสอบและจัดการ "Business Integrations" ในบัญชีผู้ดูแลเพจ
  • ปรับแต่งข้อความตอบกลับ:
    • ใช้ข้อความหลากหลายเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์
    • ตั้งค่าการตอบสนองตามคำสำคัญที่ลูกค้าใช้
    • เพิ่มการส่งไฟล์หรือสื่ออื่น ๆ เพื่อช่วยในการสื่อสาร
ประเภทข้อความ วัตถุประสงค์ ตัวอย่างการใช้งาน
ข้อความตอบกลับด่วน ตอบคำถามทั่วไป เช่น ราคาสินค้า เวลาทำการ การจัดส่ง
แบบสำรวจ รวบรวมข้อมูล เช่น ความพึงพอใจ การให้คะแนนบริการ
การ์ดแสดงสินค้า แนะนำผลิตภัณฑ์หรือโปรโมชั่น เช่น รายการสินค้า โปรโมชั่นพิเศษ

ติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • ตรวจสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแชทบอท
  • ใช้ข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงคำตอบให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
  • เก็บความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนาแชทบอทให้ดียิ่งขึ้น

3. การขาดการควบคุมสแปม

การควบคุมสแปมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการป้องกันปัญหาแชทผีใน Messenger ข้อความสแปมและการโจมตีจากบอทไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังส่งผลต่อการสื่อสารในช่องทางนี้อย่างมาก

3.1 ประเภทของข้อความสแปม

ข้อความสแปมใน Messenger มักปรากฏในรูปแบบต่อไปนี้:

การแจ้งเตือนปลอม

  • ข้อความหลอกลวงเกี่ยวกับการปิดบัญชีหรือการละเมิดลิขสิทธิ์
  • ข้อความที่แอบอ้างว่าเป็นทีมสนับสนุนของ Facebook

รีวิวและความคิดเห็นที่ไม่จริง

  • รีวิวปลอม ทั้งในเชิงบวกและลบ
  • ข้อความโฆษณาสินค้า เช่น สกุลเงินดิจิทัล
  • ความคิดเห็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

"รีวิวสแปมบน Facebook เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา... สถานการณ์กำลังย่ำแย่ แต่ Facebook จะลบมันออก เราแจ้งลบรีวิวสแปมและมันจะหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ ตอนนี้รีวิวสแปมส่วนใหญ่เกี่ยวกับการหลอกลวงคริปโต" - Tim Clarke, ผู้จัดการอาวุโสด้านชื่อเสียง Thrive

3.2 วิธีป้องกันสแปม

การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

การตั้งค่า วิธีดำเนินการ ผลลัพธ์
ตัวกรองข้อความ เพิ่มคำสำคัญ เช่น "deletion", "trademark", "infringes" กรองข้อความสแปมไปยังโฟลเดอร์สแปมอัตโนมัติ
การจำกัดผู้ส่งข้อความ ปิดฟังก์ชัน "Guest Chat" ใน Meta Business Suite ลดข้อความสแปมจากบัญชีที่ไม่รู้จัก
การกรองเนื้อหาคุณภาพต่ำ ตั้งค่าตัวกรอง "Low Quality Content" ให้สูงสุด ลดการแสดงผลจากบัญชีปลอม

การตรวจสอบและรายงาน

  • ตรวจสอบโปรไฟล์และพฤติกรรมของผู้ส่ง หากพบพฤติกรรมสแปม ให้บล็อกบัญชีทันที

การใช้เครื่องมือจัดการความคิดเห็น

  • ใช้ระบบกรองความคิดเห็นอัตโนมัติ
  • ตั้งค่าให้ซ่อนหรือลบข้อความที่มีคำหยาบ ลิงก์ หรือข้อมูลติดต่อ
  • จำกัดการแสดงความคิดเห็นเฉพาะผู้ที่ติดตามเพจของคุณ

การจัดการสแปมอย่างเหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การสื่อสารใน Messenger มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดจากแชทผีได้อีกด้วย

sbb-itb-4ffe5b5

4. การตอบกลับที่ล่าช้า

การตอบกลับอย่างรวดเร็วมีผลอย่างมากต่อการปิดการขายและสร้างความไว้วางใจ หากตอบกลับช้า อาจทำให้ลูกค้าหันไปหาแบรนด์อื่น และเสียโอกาสสำคัญในการปิดการขาย

4.1 ผลกระทบจากการตอบกลับช้า

การตอบกลับล่าช้าส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือของเพจ Facebook หากอัตราการตอบกลับต่ำกว่า 90% ภายใน 15 นาที เพจจะไม่ได้รับ 'สถานะตอบกลับรวดเร็ว' ซึ่งอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่มั่นใจในบริการ

การตอบกลับที่รวดเร็วไม่เพียงช่วยสร้างความเชื่อมั่น แต่ยังเพิ่มอัตราการเปิดอ่านข้อความ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้า

"หลังจากใช้งาน ยอดขายเราโตขึ้น 10% และ customer service คือลูกค้าไม่ต้องรอ ลูกค้าเราก็แฮปปี้กับการซื้อขายของเรา" - K. Chairat Wattanachotiwat, Director of Thanulux PLC

4.2 วิธีปรับปรุงความเร็วในการตอบกลับ

ใช้ระบบจัดการแชท

เครื่องมือที่รวมข้อความจากหลายแพลตฟอร์ม เช่น Facebook, Instagram และ LINE ไว้ในที่เดียว ช่วยให้จัดลำดับความสำคัญและติดตามสถานะแชทได้ง่ายขึ้น

ตั้งค่าการตอบกลับอัตโนมัติ

  • สร้างข้อความตอบกลับสำหรับคำถามที่พบบ่อย
  • ตั้งข้อความอัตโนมัติเมื่อแอดมินไม่ออนไลน์
  • ใช้แชทบอทช่วยตอบคำถามพื้นฐานตลอด 24 ชั่วโมง

"ออเดอร์ไม่ตกหล่น แอดมินผมทำงานได้ง่ายขึ้น แถมเรทกาตอบกลับแชทก็สูงขึ้นด้วย อยากให้เพจมีชีวิต คุณต้องใช้ซีวิซ" - บังฮาซัน, เจ้าของเพจ อาหารทะเลตากแห้ง จ.สตูล

ติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพ

ตรวจสอบตัวชี้วัดสำคัญ เช่น เวลาเฉลี่ยในการตอบกลับ อัตราการปิดการขาย และประสิทธิภาพของแอดมิน เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

การตอบกลับที่รวดเร็วไม่เพียงช่วยลดปัญหาแชทผี แต่ยังเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย พร้อมสร้างความประทับใจให้ลูกค้าในระยะยาว

5. การติดตามประสิทธิภาพของข้อความ

เมื่อปรับปรุงกลุ่มเป้าหมาย แชทบอท และการตอบกลับเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการติดตามผลการสื่อสาร เพื่อประเมินและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

หากไม่ติดตามและวิเคราะห์ผลการสื่อสารบน Messenger ธุรกิจอาจพลาดโอกาสในการแก้ไขปัญหา เช่น "แชทผี" การติดตามตัวชี้วัดสำคัญช่วยให้คุณทราบว่ากลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลหรือไม่ และควรปรับปรุงตรงไหน

5.1 ตัวชี้วัดสำคัญที่ควรติดตาม

มีตัวชี้วัดหลักที่ควรให้ความสำคัญ:

  • จำนวนผู้ติดต่อและผู้ติดต่อที่กลับมา
    บ่งบอกถึงความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าและรักษาความสัมพันธ์
  • อัตราการตอบกลับ
    หน้า Facebook ที่ตอบกลับลูกค้าได้มากกว่า 90% ภายใน 15 นาที ถือว่ามีความรวดเร็วและตอบสนองได้ดี
  • ต้นทุนต่อการเริ่มต้นบทสนทนา (Cost per Conversation)
    ใช้ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในแคมเปญ

ข้อมูลจากตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับปรุงการสื่อสารได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

"Business messaging brings businesses and people closer together, allowing people to have one-on-one personalised connections with businesses, while helping businesses get the most out of their valuable conversations and drive business performance."
– Benjamin Joe, Vice President for SEA and Emerging Markets at Meta

5.2 การใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า
การศึกษาช่วงเวลาที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์สูงช่วยให้คุณเลือกเวลาส่งข้อความได้เหมาะสมยิ่งขึ้น ข้อมูลระบุว่า 70% ของผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้ Business Messaging อย่างต่อเนื่อง

เพิ่มยอดขายด้วยการปรับปรุงการสื่อสาร
ตัวอย่างจาก Vua Nem ผู้ค้าปลีกที่นอนในเวียดนามพบว่า:

  • การเชื่อมต่อผ่านข้อความเพิ่มขึ้น 54%
  • การเข้าถึงลูกค้าสำหรับแคมเปญเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

ตั้งค่าการแจ้งเตือนและรายงาน

  • เปิดใช้งานรายงานประจำสัปดาห์และการแจ้งเตือนตัวชี้วัดสำคัญ
  • ตั้งข้อความตอบกลับอัตโนมัติสำหรับคำถามที่พบบ่อย

การติดตามผลอย่างต่อเนื่องไม่เพียงช่วยลดปัญหา "แชทผี" แต่ยังเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อได้ถึง 22.1% จากการสื่อสารที่มีคุณภาพ

บทสรุป: การแก้ไขปัญหาแชทผี

จากการวิเคราะห์ในส่วนก่อนหน้า พบว่าการจัดการปัญหา "แชทผี" บน Facebook Messenger มีผลโดยตรงต่อความสำเร็จของธุรกิจ โดย 65% ของผู้บริโภคระบุว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากธุรกิจที่สามารถติดต่อผ่านแชทได้.

การปรับปรุงการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างจาก Telekom แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่น่าสนใจจากการใช้แพลตฟอร์มการตลาดแบบสนทนา:

  • อัตราการแปลงเป็นสัญญาเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่า
  • อัตราการคลิกไปยังหน้าตะกร้าสินค้าสูงถึง 35%
  • อัตราการสนทนาที่เสร็จสมบูรณ์ถึง 60%

การพัฒนาที่เป็นระบบ
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย แชทบอท สแปม การตอบกลับล่าช้า และการติดตามผลลัพธ์ ล้วนเป็นสาเหตุของแชทผี การแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างมีระบบสามารถช่วยให้ธุรกิจ:

  • ปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้า
  • เพิ่มอัตราการตอบกลับและการมีส่วนร่วม
  • สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า

การรวมทุกองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันคือขั้นตอนสำคัญในการจัดการปัญหาแชทผี และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง.

FAQs

ทำไมการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมจึงช่วยลดปัญหา 'แชทผี' บน Facebook Messenger ได้?

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญในการลดปัญหา 'แชทผี' เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าที่มีความสนใจในสินค้าและบริการได้อย่างตรงจุด ซึ่งไม่เพียงแต่ลดจำนวนข้อความที่ไม่มีคุณภาพ แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้อีกด้วย

นอกจากนี้ การตั้งกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องยังช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ทรัพยากร เช่น เวลาและทีมงาน ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ลดความสูญเปล่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ธุรกิจสามารถทำอย่างไรเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตอบกลับข้อความใน Facebook Messenger?

เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตอบกลับข้อความใน Facebook Messenger ธุรกิจสามารถใช้ ระบบจัดการแชทแบบรวมศูนย์ ซึ่งช่วยรวมข้อความจากหลายแพลตฟอร์มไว้ในที่เดียว ทำให้การตอบกลับลูกค้าสะดวกและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของการพลาดแชทสำคัญไป

อีกหนึ่งวิธีคือการตั้งค่า แชทบอทอัตโนมัติ เพื่อช่วยตอบคำถามพื้นฐานของลูกค้าในทันที เช่น ข้อมูลสินค้า เวลาทำการ หรือโปรโมชั่นปัจจุบัน วิธีนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังสร้างความประทับใจให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

การฝึกอบรมทีมงานให้มีความคล่องตัวและเข้าใจความต้องการของลูกค้า รวมถึงการกำหนดเวลาตอบกลับที่ชัดเจน ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การสื่อสารทาง Facebook Messenger มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น

จะป้องกันและจัดการสแปมใน Facebook Messenger ได้อย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา 'แชทผี'?

การป้องกันและจัดการสแปมใน Facebook Messenger สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยวิธีดังนี้:

  • บล็อกผู้ส่งข้อความที่ไม่รู้จัก: หากคุณได้รับข้อความจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ สามารถบล็อกผู้ส่งเพื่อป้องกันการรบกวนในอนาคต
  • ตั้งค่าตัวกรองข้อความ: ใช้ Meta Business Suite เพื่อสร้างการตั้งค่าอัตโนมัติ เช่น การย้ายข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องไปยังโฟลเดอร์สแปม
  • ปรับปรุงการตั้งค่าโฆษณา: ใช้การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การกรองกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม หรือเลือกใช้วัตถุประสงค์โฆษณาที่เหมาะสม เช่น Conversion Ads

ด้วยการใช้วิธีเหล่านี้ คุณจะสามารถลดจำนวนข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องและเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ