Published May 23, 2025 ⦁ 3 min read

เรียนรู้ 7 วิธีแก้ปัญหาโฆษณาสุขภาพบน Meta ที่จะช่วยธุรกิจปรับตัวให้เข้ากับนโยบายใหม่ในปี 2025.

7 วิธีแก้ปัญหาโฆษณาสุขภาพบน Meta

7 วิธีแก้ปัญหาโฆษณาสุขภาพบน Meta

โฆษณาสุขภาพบน Meta กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในปี 2025 ซึ่งอาจทำให้ SME ไทยต้องปรับตัวเพื่อให้แคมเปญของตนผ่านการอนุมัติและมีประสิทธิภาพขึ้น บทความนี้สรุป 7 วิธีแก้ปัญหาสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงที่โฆษณาจะถูกปฏิเสธ พร้อมแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน:

  • ปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด: หลีกเลี่ยงคำที่อ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น "รักษาขาด" และหลีกเลี่ยงภาพเปรียบเทียบ "ก่อน-หลัง"
  • ใช้ข้อมูลลูกค้า (First-party Data): สร้างกลุ่มเป้าหมายจากข้อมูลของลูกค้าเอง และสร้าง Lookalike Audiences เพื่อเพิ่มการเข้าถึง
  • ติดตั้งระบบ Server-side Tracking: ใช้ Meta Conversions API เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของข้อมูลและลดปัญหาการบล็อกข้อมูล
  • หลีกเลี่ยงการกำหนดเป้าหมายที่ละเอียดเกินไป: ใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเพิ่มการรับรู้ (Awareness) แทน
  • ปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์และโครงสร้าง URL: เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและลดความเสี่ยงจากการจัดประเภทผิดพลาด
  • เน้นเนื้อหาที่ให้ความรู้: ใช้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญหรือคำรับรองจากลูกค้าแทนการขายตรง
  • ติดตามการเปลี่ยนแปลงนโยบาย Meta: เพื่อปรับกลยุทธ์ตามแนวทางที่อัปเดต

สำคัญ: การปรับตัวและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจสุขภาพในไทยสามารถสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพและปฏิบัติตามนโยบายของ Meta ได้

ข้อควรระวังในการสร้างโฆษณา Facebook ads และนโยบายเฟสบุค I Jinny Marketing

Jinny Marketing

ปัญหาหลักของโฆษณาสุขภาพบน Meta

Meta

ธุรกิจสุขภาพที่ต้องการโฆษณาบน Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและประสิทธิภาพของแคมเปญ ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะนโยบายที่ Meta ปรับเปลี่ยนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความท้าทายเฉพาะที่ธุรกิจในประเทศไทยต้องเผชิญอีกด้วย ด้านล่างนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายและสาเหตุที่ทำให้โฆษณาถูกปฏิเสธ

การเปลี่ยนแปลงนโยบายโฆษณาสุขภาพของ Meta ในปี 2025

ในต้นปี 2025 Meta ได้ประกาศข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการแชร์ข้อมูลจากเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ถือว่า "ละเอียดอ่อน"

"เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 เราจะเริ่มนำข้อจำกัดเพิ่มเติมมาใช้กับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันในหมวดหมู่ต่างๆ ที่ใช้ Meta Business Tools"

ข้อจำกัดใหม่นี้แบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจสุขภาพในรูปแบบที่แตกต่างกัน:

ระดับข้อจำกัด รายละเอียด ผลกระทบต่อธุรกิจไทย
Core Setup จำกัดการส่งข้อมูลพารามิเตอร์และ URL ธุรกิจต้องตรวจสอบการติดตาม event อย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลที่ต้องห้าม
Mid-Restricted Properties จำกัดการปรับแต่ง mid- และ lower-funnel รวมถึงการติดตาม conversion และ retargeting ต้องปรับกลยุทธ์การโฆษณาและการติดตามการมีส่วนร่วม
Full-Restricted Properties ไม่สามารถติดตาม mid- หรือ lower-funnel events ได้; custom conversion events ถูกบล็อกทั้งหมด จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้เป้าหมายโฆษณาอื่น เช่น Awareness, Engagement และ Traffic

สาเหตุที่โฆษณาสุขภาพถูกปฏิเสธ

มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้โฆษณาสุขภาพถูกปฏิเสธ ซึ่งรวมถึง:

  • การอ้างสรรพคุณเกินจริงและเนื้อหาที่ถูกจำกัด
    เนื้อหาที่อ้างถึงความสามารถในการรักษาหรือบรรเทาอาการ, การใช้คำที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขทางการแพทย์เฉพาะ, การแสดงภาพ "ก่อน-หลัง" หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลด้านสุขภาพ

    "Meta ถือว่าการซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพของลูกค้าเป็น 'ข้อมูลสุขภาพ' ดังนั้นหากคุณติดตามการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวและส่งข้อมูลนั้นกลับไปยัง Meta จะถือว่าละเมิด HIPAA ภายใต้นโยบายโฆษณาของพวกเขา"

  • การกำหนดเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม
    การกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มที่มีเงื่อนไขสุขภาพเฉพาะถือเป็น "Sensitive Category Ads" ซึ่ง Meta มีข้อจำกัดในการเข้าถึงผู้ชมและลดตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายแบบละเอียด

นอกจากนี้ ในปี 2024 FTC ได้ดำเนินการกับ Monument เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้ให้กับแพลตฟอร์มโฆษณาบุคคลที่สาม ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับลูกค้าที่อยู่ในกระบวนการฟื้นตัวจากการติดสุรา

7 วิธีแก้ปัญหาโฆษณาสุขภาพบน Meta

เมื่อเข้าใจถึงปัญหาและความท้าทายที่ธุรกิจสุขภาพต้องเผชิญกับนโยบายใหม่ของ Meta แล้ว เรามาดู 7 วิธีที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ SME ในประเทศไทย

ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นโยบายในเนื้อหาและภาพโฆษณา

การสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับแนวทางของ Meta เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้โฆษณาผ่านการตรวจสอบจากระบบ AI

  • คำและวลีที่ควรหลีกเลี่ยง: หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ดูโอ้อวดหรือรับประกันผลลัพธ์ เช่น "รักษาขาด", "ปลอดภัย 100%" หรือ "ได้ผลทันที" ซึ่งเป็นคำที่อาจทำให้โฆษณาถูกปฏิเสธ
  • การเลือกภาพที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการใช้ภาพเปรียบเทียบ "ก่อน-หลัง" และเลือกภาพที่สื่อถึงไลฟ์สไตล์ที่ดี เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน หรือภาพที่ดูเรียบง่ายแต่ดูดี
  • กลยุทธ์เนื้อหาที่สร้างความน่าเชื่อถือ: เน้นเนื้อหาที่ให้ความรู้ เช่น ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ หรือคำรับรองจากลูกค้าจริง แทนการขายตรง และหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วย ซึ่งอาจทำให้ระบบ AI มองว่าเป็นปัญหา

นอกจากนี้ การใช้ข้อมูลลูกค้าโดยตรงยังช่วยให้การกำหนดเป้าหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ใช้ข้อมูลลูกค้าของตัวเองในการกำหนดเป้าหมาย

การใช้ข้อมูลลูกค้าที่คุณมีอยู่ (First-party Data) เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดข้อจำกัดของ Meta และเพิ่มความแม่นยำในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

  • การแบ่งกลุ่มผู้ชมและ Lookalike Audiences: แบ่งกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจ พฤติกรรม หรือข้อมูลประชากร เช่น อายุ เพศ หรือพฤติกรรมการซื้อในอดีต เพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้องของโฆษณา การสร้าง Lookalike Audiences ยังช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับลูกค้าเดิม
  • การปฏิบัติตาม PDPA: รักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการขอความยินยอมจากลูกค้า และทำให้ข้อมูลเป็นแบบไม่ระบุตัวตน (anonymize) เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA

ติดตั้งระบบติดตามแบบ Server-Side เพื่อข้อมูลที่ดีกว่า

Server-side tracking ช่วยเก็บข้อมูลการโต้ตอบผ่านเซิร์ฟเวอร์ของคุณก่อนส่งต่อไปยังแพลตฟอร์ม วิธีนี้ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น เนื่องจากไม่ถูกบล็อกโดย ad blockers อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Meta Conversions API (CAPI) เพื่อเพิ่มความแม่นยำของข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ

กรณีศึกษา: ความสำเร็จของ VenueE Performance Marketing

VenueE Performance Marketing

กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงการนำกลยุทธ์ที่เหมาะสมมาใช้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจด้านสุขภาพสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของนโยบาย Meta ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิก

เมื่อ Meta ออกนโยบายใหม่ที่ห้ามใช้เหตุการณ์อย่าง "Purchase" หรือ "Add to Cart" ในการปรับแต่งโฆษณา บริษัทวิจัยทางการแพทย์แห่งหนึ่งในประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทาย VenueE Performance Marketing ซึ่งเป็น Meta Badged Partner ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้

อุปสรรคสำคัญ: ระบบ AI ของ Meta จัดประเภทแบรนด์ผิดพลาด ทำให้โฆษณาถูกปฏิเสธ แม้ว่าเนื้อหาจะไม่ขัดต่อนโยบายที่กำหนดไว้

วิธีการแก้ปัญหาโดย VenueE:

  • ปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์และโครงสร้าง URL รวมถึงการใช้ native lead forms เพื่อรวบรวมข้อมูลที่สอดคล้องกับนโยบาย

ด้วยวิธีการนี้ VenueE สามารถช่วยให้แคมเปญของลูกค้าเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ยังต่อยอดด้วยการใช้ข้อมูลและการออกแบบครีเอทีฟที่ตอบโจทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

การใช้ข้อมูลและครีเอทีฟเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

หลังจากปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างพื้นฐาน VenueE ได้ยกระดับแคมเปญด้วยการใช้ข้อมูลและครีเอทีฟอย่างเป็นระบบ โดยมีการติดตั้งระบบ server-side tracking ที่เชื่อมต่อกับ Meta Conversions API เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการใช้ข้อมูล first-party เพื่อสร้าง Lookalike Audiences ซึ่งช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในบริการด้านสุขภาพได้อย่างตรงจุด

VenueE ยังให้ความสำคัญกับการรายงานผลที่โปร่งใส โดยจัดทำ dashboard ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะแคมเปญแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งมีการประชุมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์และเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

sbb-itb-4ffe5b5

สรุป: ประเด็นสำคัญและขั้นตอนการดำเนินงาน

การจัดการปัญหาโฆษณาสุขภาพบนแพลตฟอร์ม Meta จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่ผสมผสานทั้งการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การใช้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Meta ได้ปรับปรุงวิธีจัดการข้อมูลด้านสุขภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อบังคับต่าง ๆ เช่น HIPAA ในสหรัฐฯ ตามที่ Rémi Kerhoas ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลกล่าวไว้ว่า:

"Meta is doing its best to comply with regulations (think HIPAA in the U.S., etc.) to avoid fines"

ขั้นตอนสำคัญที่ธุรกิจควรดำเนินการ

ธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบเนื้อหาโฆษณาและหน้าเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับแนวทางของ Meta รวมถึงการใช้ข้อมูลลูกค้าจริงในการสร้างกลุ่มเป้าหมาย Lookalike Audiences ซึ่งมีศักยภาพในการเพิ่มอัตราการแปลงสูงถึง 70% เมื่อเปรียบเทียบกับการกำหนดเป้าหมายแบบกว้าง.

การนำ Conversions API และ server-side tracking มาใช้ ยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ. นอกจากนี้ การกระจายงบประมาณโฆษณาไปยังหลายช่องทางยังช่วยให้แคมเปญมีเสถียรภาพมากขึ้น.

ตัวช่วยสำหรับธุรกิจสุขภาพในประเทศไทย

สำหรับธุรกิจสุขภาพในประเทศไทยที่ต้องการคำแนะนำ VenueE Performance Marketing ซึ่งเป็น Meta Badged Partner ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ สามารถช่วยให้ธุรกิจลดความเสี่ยงจากการจัดประเภทผิดพลาด และรักษาประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างต่อเนื่อง. ด้วยประสบการณ์การจัดการงบโฆษณามากกว่า 150 ล้านบาทต่อปี VenueE มีความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ

การปรับตัวและการติดตามแนวโน้ม

ธุรกิจควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบายและแนวโน้มในอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ. ความสามารถในการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกลยุทธ์ที่หลากหลาย จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา.

FAQs

ทำไม Meta ถึงเริ่มใช้ข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการโฆษณาสุขภาพในปี 2025?

Meta ออกข้อจำกัดใหม่สำหรับโฆษณาสายสุขภาพในปี 2025

Meta เตรียมบังคับใช้ข้อจำกัดใหม่สำหรับโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในปี 2025 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้และจัดการข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อจำกัดเหล่านี้รวมถึง:

  • การลดการกำหนดเป้าหมายโฆษณา: การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลสุขภาพ จะถูกจำกัดมากขึ้น
  • การห้ามติดตามเหตุการณ์บางอย่าง: เช่น การแปลงยอดขาย สำหรับบัญชีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยเฉพาะ

มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้และตอบสนองต่อข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในสายสุขภาพอาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โฆษณาเพื่อให้ยังคงสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้เงื่อนไขใหม่เหล่านี้.

การใช้ข้อมูลลูกค้า (First-party Data) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาได้อย่างไร?

การใช้ข้อมูลลูกค้า (First-party Data) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา

ข้อมูลลูกค้า (First-party Data) ถือเป็นทรัพยากรสำคัญที่ช่วยยกระดับแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมันช่วยให้ธุรกิจสามารถ:

  • ปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย: ด้วยข้อมูลที่ได้จากพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ธุรกิจสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงใจและน่าสนใจยิ่งขึ้น
  • กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ: ใช้ข้อมูลจริง เช่น ประวัติการซื้อหรือการเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อระบุและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุด
  • วิเคราะห์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน: การมีข้อมูลที่ละเอียดช่วยให้สามารถประเมินผลแคมเปญได้ดีขึ้น และปรับปรุงกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ได้มากขึ้น

เมื่อใช้งานข้อมูลเหล่านี้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ธุรกิจของคุณจะสามารถเพิ่ม ROI ได้อย่างชัดเจน พร้อมสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง!

การติดตั้งระบบ Server-side Tracking ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณาบน Meta ได้อย่างไร?

การติดตั้งระบบ Server-side Tracking

การใช้งาน Server-side Tracking ช่วยให้การติดตามข้อมูลโฆษณามีความแม่นยำมากขึ้น โดยลดผลกระทบจากปัจจัยที่อาจรบกวน เช่น โปรแกรมบล็อกโฆษณา หรือการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของเบราว์เซอร์ที่ปิดกั้นคุกกี้ วิธีนี้ช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าได้ครบถ้วนและถูกต้องยิ่งขึ้น

เมื่อคุณมีข้อมูลที่ครบถ้วนและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์และปรับแต่งแคมเปญโฆษณาก็จะทำได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ และยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจของคุณสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ