Published May 14, 2025 ⦁ 4 min read

การใช้ข้อมูลประชากรใน CRM ช่วยธุรกิจแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดถึง 30% พร้อมแนวทางการจัดการข้อมูลที่ถูกต้องตามกฎหมาย PDPA.

วิธีใช้ข้อมูลประชากรใน CRM เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้า

วิธีใช้ข้อมูลประชากรใน CRM เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้า

เริ่มต้นด้วยคำตอบที่คุณกำลังมองหา:

การใช้ข้อมูลประชากรในระบบ CRM ช่วยให้คุณแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาดได้ถึง 20-30% โดยข้อมูลที่สำคัญที่ควรรวบรวม ได้แก่ อายุ, เพศ, รายได้, ที่อยู่ และพฤติกรรมการซื้อสินค้า

ประโยชน์หลักของการใช้ข้อมูลประชากรใน CRM:

  • เพิ่มอัตราการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด
  • ลดต้นทุนการตลาดด้วยการสื่อสารที่ตรงเป้าหมาย
  • สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

วิธีการเริ่มต้น:

  1. เก็บข้อมูล ผ่านแบบฟอร์มออนไลน์, โซเชียลมีเดีย หรือจุดขาย
  2. ตรวจสอบคุณภาพข้อมูล เช่น ลบข้อมูลซ้ำ และอัพเดทข้อมูลทุก 6 เดือน
  3. แบ่งกลุ่มลูกค้า ตามอายุ, รายได้ หรือพฤติกรรมการซื้อ

ตัวอย่างการแบ่งกลุ่มในตลาดไทย:

กลุ่มเป้าหมาย คุณลักษณะหลัก ตัวอย่างแคมเปญที่เหมาะสม
คนทำงานรุ่นใหม่ อายุ 25-34 ปี, รายได้ 30,000+ บาท/เดือน โปรโมชันสินค้าไลฟ์สไตล์คนเมือง
ครอบครัวระดับกลาง คู่แต่งงาน, รายได้ 80,000+ บาท/เดือน แคมเปญสินค้าสำหรับครอบครัว
ผู้สูงวัยมีกำลังซื้อ อายุ 60+, สนใจสุขภาพและการท่องเที่ยว แพ็กเกจสุขภาพหรือทัวร์สำหรับผู้สูงอายุ

อย่าลืม! การจัดการข้อมูลต้องปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA อย่างเคร่งครัด เช่น การขอความยินยอมและการจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย

สรุป: การใช้ข้อมูลประชากรใน CRM ช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

Training R-CRM Part 25 : การจัดการ Segment

R-CRM

การเก็บและจัดการข้อมูล

การมีข้อมูลประชากรที่มีคุณภาพในระบบ CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำ สำหรับธุรกิจ SME ในไทย การรวบรวมและจัดการข้อมูลอย่างเหมาะสมจะช่วยสร้างฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

วิธีการเก็บข้อมูล

การเก็บข้อมูลประชากรควรครอบคลุมทุกจุดที่มีการติดต่อกับลูกค้า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์:

การเก็บข้อมูลผ่านช่องทางดิจิทัล

  • ใช้เว็บฟอร์มที่กระชับ เพื่อเก็บข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ, อายุ, ที่อยู่
  • ส่งแบบสอบถามผ่าน Line Official Account ซึ่งมักได้รับอัตราการตอบกลับที่ดี
  • เชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น Facebook และ Instagram เพื่อดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

การเก็บข้อมูล ณ จุดขาย

  • เสนอระบบสมาชิกที่มอบสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าเพื่อแลกกับข้อมูล
  • เก็บข้อมูลเพิ่มเติมหรืออัพเดทข้อมูลระหว่างการให้บริการ
  • ใช้แบบสอบถามหลังการซื้อสินค้าเพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึก

มาตรฐานคุณภาพข้อมูล

เพื่อให้ข้อมูลที่เก็บมีคุณภาพสูงและสามารถใช้งานได้จริง ควรมีการตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่อง:

การตรวจสอบความถูกต้อง

  • ใช้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ เช่น การตรวจสอบรูปแบบเบอร์โทรศัพท์ รหัสไปรษณีย์ หรือจังหวัด
  • ตรวจสอบและลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อนในระบบเป็นประจำทุกเดือน

การปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย

  • ยืนยันข้อมูลการติดต่อทุก 6 เดือนผ่าน SMS หรืออีเมล
  • ใช้กระบวนการตรวจสอบข้อมูล เช่น การส่งข้อความเพื่อยืนยันความถูกต้อง
  • ทำความสะอาดฐานข้อมูลอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้ข้อมูลยังคงทันสมัยและใช้งานได้

ตารางการจัดเก็บข้อมูลตาม PDPA

การจัดเก็บข้อมูลควรเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสม และมีการตรวจสอบและอัพเดทข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ:

ประเภทข้อมูล ระยะเวลาจัดเก็บ วิธีการตรวจสอบ ความถี่ในการอัพเดท
ข้อมูลติดต่อ 2 ปี SMS/อีเมลยืนยัน ทุก 6 เดือน
ข้อมูลที่อยู่ 2 ปี ไปรษณีย์ตอบรับ ทุก 1 ปี
ข้อมูลประชากร 3 ปี แบบสอบถาม ทุก 1 ปี

การจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบไม่เพียงช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำขึ้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอีกด้วย เมื่อมีข้อมูลคุณภาพในมือ ก็สามารถนำไปสร้างกลุ่มเป้าหมายที่ตอบโจทย์สำหรับแคมเปญต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การสร้างกลุ่มลูกค้า

การใช้ข้อมูลประชากรที่เก็บไว้ในระบบ CRM สามารถช่วยสร้างกลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการแบ่งกลุ่มที่ดีนั้นจำเป็นต้องมีการกำหนดเกณฑ์และตัวกรองที่ชัดเจน เพื่อให้การวางแผนแคมเปญการตลาดเป็นไปอย่างแม่นยำ

กฎและตัวกรองในการแบ่งกลุ่ม

การแบ่งกลุ่มลูกค้าสามารถทำได้โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้:

ปัจจัยพื้นฐาน

  • อายุ, เพศ, รายได้, การศึกษา
  • ที่อยู่อาศัย เช่น จังหวัด, ภูมิภาค
  • สถานะครอบครัว เช่น โสด, สมรส, มีบุตร

ปัจจัยพฤติกรรม

  • ความถี่ในการซื้อสินค้า
  • มูลค่าการซื้อเฉลี่ยต่อครั้ง
  • ช่องทางการซื้อที่ลูกค้าชื่นชอบ

ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงการแบ่งกลุ่มตามเกณฑ์ในระดับต่าง ๆ:

ระดับการแบ่งกลุ่ม เกณฑ์ที่ใช้ ตัวอย่างการนำไปใช้
พื้นฐาน อายุ 25-34 ปี ในกรุงเทพฯ แคมเปญสินค้าไลฟ์สไตล์คนเมือง
ปานกลาง สตรีวัยทำงาน รายได้ >30,000 บาท/เดือน โปรโมชันสินค้าแบรนด์เนม
ละเอียด คู่แต่งงานใหม่ อายุ 28-35 ปี รายได้ครัวเรือน >80,000 บาท/เดือน แคมเปญคอนโดมิเนียม

ตัวอย่างการแบ่งกลุ่มในตลาดไทย

เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย สามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ตามลักษณะเฉพาะดังนี้:

กลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่

  • อายุ 25-34 ปี
  • ทำงานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
  • รายได้เฉลี่ย 30,000-50,000 บาท/เดือน
  • ชื่นชอบการช้อปปิ้งออนไลน์

กลุ่มครอบครัวระดับกลาง

  • คู่แต่งงานอายุ 35-45 ปี มีบุตร 1-2 คน
  • อาศัยอยู่ในหัวเมืองใหญ่
  • รายได้ครัวเรือนเฉลี่ย 80,000-120,000 บาท/เดือน

กลุ่มผู้สูงวัยที่มีกำลังซื้อ

  • อายุ 60 ปีขึ้นไป
  • มีรายได้จากบำนาญหรือเงินออม
  • สนใจสินค้าเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยว

การแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างแม่นยำช่วยเพิ่มโอกาสให้แคมเปญการตลาดได้ผลตอบรับที่ดีขึ้น โดยมีการศึกษาที่ระบุว่าการสื่อสารที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มสามารถเพิ่มอัตราการตอบสนองต่อแคมเปญได้ถึง 74%

ดังนั้น การปรับปรุงกลุ่มลูกค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนำไปสู่การวางแผนการตลาดที่ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

การทำการตลาดตามกลุ่มลูกค้า

เมื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับแต่งเนื้อหาและกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างสูงสุด

การปรับแต่งเนื้อหาสำหรับตลาดไทย

การปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น:

ภาษาและวัฒนธรรม

  • ใช้ภาษาไทยที่สื่อสารได้ชัดเจนและเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
  • สร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับเทศกาลหรือเหตุการณ์สำคัญ เช่น สงกรานต์ หรือเทศกาลกินเจ เพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้องและดึงดูดใจ

ช่องทางการสื่อสาร
เลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมตามพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย:

กลุ่มเป้าหมาย ช่องทางหลัก เวลาที่เหมาะสม
วัยทำงาน 25-34 ปี Instagram, Facebook 12.00–13.00, 20.00–22.00 น.
ผู้สูงอายุ 60+ LINE, Facebook 09.00–11.00 น.
ครอบครัวรายได้สูง Email, LINE 18.00–21.00 น.

หลังจากปรับเนื้อหาแล้ว อย่าลืมติดตามผลลัพธ์และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แคมเปญมีประสิทธิภาพสูงสุด

การวัดผลแคมเปญ

ตัวชี้วัดสำคัญ

การวัดผลแคมเปญเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินความสำเร็จและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง โดยตัวชี้วัดที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่:

  • อัตราการเปิดอ่าน (Open Rate)
  • อัตราการคลิก (Click-through Rate)
  • อัตราการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion Rate)
  • ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (Customer Acquisition Cost)
  • ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
ตัวชี้วัด เกณฑ์เป้าหมาย วิธีการวัดผล
Conversion Rate >3% (จำนวนการซื้อ ÷ จำนวนผู้เข้าชม)
ROI >200% (รายได้ - ต้นทุน) / ต้นทุน
Customer LTV >฿15,000 มูลค่าการซื้อเฉลี่ย x ความถี่ x ระยะเวลา

การวิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญควรเป็นกระบวนการต่อเนื่อง พร้อมทั้งทบทวนกลยุทธ์ทุก 3 เดือน เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดและการแบ่งกลุ่มลูกค้า สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก VenueE Performance Marketing Agency ได้ที่ https://venuee-performance.com เพื่อรับคำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกในการเพิ่ม ROI ทางการตลาดของคุณ

sbb-itb-4ffe5b5

กฎการคุ้มครองข้อมูล

การจัดการข้อมูลประชากรในระบบ CRM จำเป็นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล ต่อไปนี้เป็นแนวทางปฏิบัติและมาตรการที่ช่วยให้การจัดการข้อมูลในระบบ CRM เป็นไปตามข้อกำหนดของ PDPA

ขั้นตอนการปฏิบัติตาม PDPA

การจัดเก็บและใช้งานข้อมูลในระบบ CRM ควรดำเนินการตามหลักการสำคัญดังนี้:

หลักการ PDPA การปฏิบัติในระบบ CRM
ขอความยินยอมอย่างชัดเจน ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนเก็บข้อมูล พร้อมระบุวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างชัดเจน
การจัดเก็บข้อมูล เก็บเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์และแบ่งกลุ่มลูกค้าเท่านั้น
ระยะเวลาการเก็บข้อมูล กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดเก็บ และลบข้อมูลเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานอีกต่อไป
สิทธิของเจ้าของข้อมูล จัดเตรียมช่องทางให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง แก้ไข หรือลบข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ตามความต้องการ

ข้อมูลอ่อนไหว เช่น ศาสนา เชื้อชาติ หรือข้อมูลสุขภาพ ต้องได้รับความยินยอมแบบชัดเจนและมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมิดข้อมูลประเภทนี้

มาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล

การป้องกันข้อมูลในระบบ CRM ต้องมีมาตรการที่ครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคและการบริหารจัดการ:

การควบคุมการเข้าถึง

  • กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามบทบาทหน้าที่ (Role-based Access Control)
  • ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Multi-factor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  • เข้ารหัสข้อมูลทั้งในขั้นตอนการจัดเก็บและการส่งต่อข้อมูล

การตรวจสอบและเฝ้าระวังระบบ

  • บันทึกและติดตามประวัติการเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลในระบบ
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของระบบเป็นประจำ เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
  • วางแผนรับมือในกรณีที่เกิดเหตุละเมิดข้อมูล พร้อมแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน

"การไม่ปฏิบัติตาม PDPA อาจมีโทษปรับสูงถึง 5 ล้านบาท และ/หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี รวมถึงค่าเสียหายทางแพ่ง" - คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนี้ ควรฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการจัดการข้อมูลที่ถูกต้องตาม PDPA พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีระบุและรายงานเหตุละเมิด รวมถึงแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยในระบบ CRM เพื่อให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

บทสรุป

การนำข้อมูลประชากรมาใช้ใน CRM เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจในประเทศไทยสามารถพัฒนาแคมเปญการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมายมากขึ้น

ตารางด้านล่างสรุปปัจจัยหลักที่ช่วยให้การใช้ข้อมูลประชากรใน CRM ประสบความสำเร็จ:

ปัจจัยความสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้
คุณภาพของข้อมูล ช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำ และนำไปสู่การวางกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
การปฏิบัติตาม PDPA สร้างความไว้วางใจจากลูกค้า พร้อมทั้งช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ช่วยปรับปรุงแคมเปญให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)

จากปัจจัยเหล่านี้ ชัดเจนว่าการจัดการข้อมูลที่ดีและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับลูกค้าอีกด้วย

หากต้องการเพิ่ม ROI และยกระดับการตลาดของคุณ VenueE Performance Marketing พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่ในการแข่งขันทางธุรกิจที่เข้มข้นในปัจจุบัน!

FAQs

ข้อมูลประชากรในระบบ CRM ช่วยปรับปรุงแคมเปญการตลาดได้อย่างไร?

ข้อมูลประชากรในระบบ CRM: กุญแจสู่การตลาดที่ตรงเป้า

ข้อมูลประชากรในระบบ CRM มีบทบาทสำคัญในการวางแผนและปรับปรุงแคมเปญการตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยพิจารณาจากลักษณะเฉพาะ เช่น อายุ, เพศ, ที่อยู่, หรือแม้แต่ พฤติกรรมการซื้อ ของลูกค้า

ด้วยข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถสร้างข้อความและข้อเสนอที่ "โดนใจ" กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งโปรโมชั่นเฉพาะสำหรับลูกค้าวัยรุ่น หรือการออกแบบข้อเสนอพิเศษที่เหมาะกับลูกค้าครอบครัว ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสให้แคมเปญประสบความสำเร็จ แต่ยังช่วยกระตุ้นรายได้ให้ธุรกิจเติบโตอีกด้วย!

การจัดการข้อมูลประชากรใน CRM ต้องทำอย่างไรให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA และป้องกันการละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล?

เพื่อให้การจัดการข้อมูลประชากรในระบบ CRM สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA และหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล คุณควรปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้:

  • ขอความยินยอมอย่างชัดเจน: แจ้งให้ลูกค้าทราบถึงเหตุผลในการเก็บข้อมูล พร้อมทั้งขอความยินยอมก่อนดำเนินการใด ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและยอมรับอย่างเต็มใจ
  • จัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย: ใช้ระบบที่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด เช่น การเข้ารหัสข้อมูล หรือระบบยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • จำกัดการใช้งานข้อมูล: ใช้ข้อมูลเฉพาะในขอบเขตที่ลูกค้ายินยอม และหลีกเลี่ยงการแบ่งปันข้อมูลกับบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าของข้อมูล

การปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ไม่ได้เป็นเพียงการลดความเสี่ยงทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจคุณ

ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลประชากรของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร?

การเก็บข้อมูลประชากรของลูกค้า

การรวบรวมข้อมูลประชากรของลูกค้าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้ในแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาวิธีเริ่มต้น นี่คือแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้:

  • แบบฟอร์มสมัครสมาชิกหรือการลงทะเบียน
    ออกแบบแบบฟอร์มออนไลน์ที่ใช้งานง่าย เพื่อรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ เพศ อาชีพ หรือที่อยู่ การทำให้แบบฟอร์มดูเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกรอกข้อมูลครบถ้วน
  • การสำรวจความคิดเห็น
    สร้างแบบสำรวจสั้นๆ ที่ถามคำถามเกี่ยวกับความสนใจหรือพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า แบบสำรวจที่กระชับและตรงประเด็นมีแนวโน้มที่จะได้รับการตอบกลับมากขึ้น
  • การติดตามพฤติกรรมออนไลน์
    ใช้เครื่องมือ CRM เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์ เช่น หน้าเพจที่ลูกค้าเข้าชมบ่อย หรือสินค้าที่พวกเขาให้ความสนใจ วิธีนี้ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์

เมื่อรวบรวมข้อมูลได้แล้ว ควรจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ในระบบ CRM อย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์และแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ตรงกับแคมเปญการตลาดของคุณ การจัดการข้อมูลที่ดีไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการตลาด แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าอีกด้วย

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ