Published May 15, 2025 ⦁ 3 min read

เรียนรู้ความผันผวนของ ROAS ในธุรกิจต่างๆ ตลอด 12 เดือน พร้อมกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการโฆษณาให้สูงขึ้น.

ROAS Timeline: ภาพจำลองการเปลี่ยนแปลง ROAS ตลอด 12 เดือนของธุรกิจ 3 ประเภท

ROAS Timeline: ภาพจำลองการเปลี่ยนแปลง ROAS ตลอด 12 เดือนของธุรกิจ 3 ประเภท

ROAS (Return on Ad Spend) คือค่าที่ช่วยวัดผลตอบแทนจากการลงทุนในโฆษณา โดยคำนวณจาก รายได้ ÷ ค่าใช้จ่ายโฆษณา เช่น ถ้าลงทุน 10,000 บาท และได้รายได้ 40,000 บาท ค่า ROAS คือ 4:1

สรุปข้อมูลสำคัญ

  • ฤดูกาลมีผลต่อ ROAS
    • ฤดูหนาว (พ.ย.-ก.พ.): ROAS สูงสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว
    • ฤดูร้อน (มี.ค.-พ.ค.): สินค้าคลายร้อนทำ ROAS ได้ดี
    • ฤดูฝน (มิ.ย.-ต.ค.): ปรับกลยุทธ์จัดส่งสินค้า
  • เทศกาลสำคัญเพิ่ม ROAS
    เทศกาล ช่วงเวลา ROAS เฉลี่ย
    สงกรานต์ เมษายน 3.5:1 (ธุรกิจท่องเที่ยว)
    9.9 กันยายน 4.0:1 (อีคอมเมิร์ซ)
    11.11 และ 12.12 พ.ย.-ธ.ค. สูงสุด 7.0:1
  • ธุรกิจที่ ROAS ต่างกัน
    • อีคอมเมิร์ซ: ROAS สูงในเทศกาลลดราคา
    • โรงแรม: ROAS สูงช่วงไฮซีซั่น (พ.ย.-ก.พ.)
    • ร้านค้าปลีก: ROAS ต่างกันระหว่างกรุงเทพฯ (3.5:1) และต่างจังหวัด (2.5:1)
  • เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ ROAS
    • Meta Ads Manager และ Google Analytics 4 ใช้ติดตามยอดขาย
    • Prophet ช่วยคาดการณ์แนวโน้ม ROAS จากข้อมูลในอดีต

วิธีเพิ่ม ROAS

  1. วางแผนโฆษณาให้เหมาะกับฤดูกาลและเทศกาล
  2. ตั้งเป้าหมาย ROAS รายไตรมาส พร้อมปรับกลยุทธ์ตามผลลัพธ์
  3. ใช้ข้อมูลย้อนหลังเพื่อปรับงบประมูลโฆษณาในช่วงเวลาที่ตอบสนองดี

อ่านต่อ เพื่อดูรายละเอียดการวิเคราะห์ ROAS สำหรับธุรกิจต่าง ๆ และกลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้จริง

ROAS คืออะไร? สำคัญกับการทำโฆษณายังไง?

วิธีการวิเคราะห์ ROAS

การวิเคราะห์ ROAS (Return on Advertising Spend) ต้องเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจสามารถติดตามผลลัพธ์และคาดการณ์ประสิทธิภาพการลงทุนในโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ด้านล่างนี้คือข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ ROAS ทั้งในแง่แหล่งข้อมูล ปัจจัยที่มีผล และเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์

แหล่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์

การวิเคราะห์ ROAS ที่แม่นยำต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง โดยเฉพาะแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยอดขายและพฤติกรรมผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น:

ประเภทข้อมูล แหล่งที่มา ความถี่ในการอัปเดต
ยอดขายออนไลน์ Meta Ads Manager รายวัน
การทำธุรกรรม ระบบ POS เรียลไทม์
พฤติกรรมผู้บริโภค Google Analytics 4 ทุกชั่วโมง

นอกจากนี้ การประชุมร่วมกับลูกค้าเป็นประจำ เช่น ทุก 2 สัปดาห์ ยังช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและปรับกลยุทธ์ได้ทันที ทำให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัจจัยทางการตลาด

การวิเคราะห์ ROAS ไม่ได้พิจารณาแค่ข้อมูลภายใน แต่ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อแคมเปญด้วย เช่น:

  • อัตราแลกเปลี่ยน: ส่งผลต่อต้นทุนโฆษณาและราคาสินค้านำเข้า หากค่าเงินผันผวน อาจกระทบต่อกำไร
  • พฤติกรรมการใช้จ่าย: ผู้บริโภคมักเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามฤดูกาล เช่น ช่วงเทศกาลหรือโปรโมชันพิเศษ
  • สภาพเศรษฐกิจ: ปัจจัยอย่างเงินเฟ้อหรือกำลังซื้อของผู้บริโภค สามารถส่งผลต่อยอดขายและผลตอบแทนจากโฆษณา

ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้ผลลัพธ์ของ ROAS เปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น การติดตามและปรับตัวให้ทันสถานการณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ

เครื่องมือวิเคราะห์

หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสำหรับวิเคราะห์ ROAS คือ Prophet ซึ่งพัฒนาโดย Facebook. เครื่องมือนี้มีความสามารถในการคาดการณ์แนวโน้มจากข้อมูลในอดีต โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ฤดูกาล เทศกาล และแนวโน้มของตลาด Prophet ยังช่วยจัดการกับปัญหาข้อมูลที่ขาดหายหรือค่าผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การคาดการณ์มีความแม่นยำสูงขึ้น

ที่สำคัญ Prophet สามารถนำไปใช้ร่วมกับ Google Analytics 4 เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญในมุมมองที่ครบถ้วน นอกจากนี้ การวัดผลด้วยวิธี Cross-validation และ MAE (Mean Absolute Error) ยังช่วยยืนยันความแม่นยำของการคาดการณ์ ทำให้ธุรกิจมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ ROAS ของตนเอง

รูปแบบ ROAS ตามประเภทธุรกิจ

หลังจากที่เราได้วิเคราะห์ปัจจัยและเครื่องมือ ROAS ในส่วนก่อนหน้า ตอนนี้ถึงเวลาที่จะมาดูกันว่า ROAS มีแนวโน้มอย่างไรในแต่ละประเภทธุรกิจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญอย่างฤดูกาล เทศกาล และพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อความแตกต่างใน ROAS ของแต่ละธุรกิจ เราจะเจาะลึกไปที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โรงแรมและรีสอร์ท และร้านค้าปลีก

แนวโน้ม ROAS ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมักได้รับผลตอบแทนที่เปลี่ยนแปลงตามช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ ROAS พุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เทศกาล ช่วงเวลา ROAS เฉลี่ย
สงกรานต์ เมษายน 3.5:1
9.9 กันยายน 4.0:1
11.11 พฤศจิกายน 7.0:1
12.12 ธันวาคม 6.5:1

ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเทศกาลลดราคาขนาดใหญ่ เช่น 11.11 และ 12.12 มีผลอย่างมากต่อการเพิ่ม ROAS โดยเฉพาะเมื่อมีการวางแผนโปรโมชั่นและโฆษณาอย่างเหมาะสม

ROAS ของโรงแรมและรีสอร์ท

สำหรับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ROAS มีความผันผวนตามฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์มักให้ ROAS สูง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ช่วงโลว์ซีซั่นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ROAS มักลดลง

การใช้กลยุทธ์อย่าง Early-bird Promotion และ Dynamic Pricing สามารถช่วยรักษา ROAS ในช่วงไฮซีซั่นได้ดี โดยการจูงใจให้ลูกค้าจองล่วงหน้าและปรับราคาตามความต้องการของตลาด

ประสิทธิภาพของร้านค้าปลีก

ร้านค้าปลีกในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมีแนวโน้ม ROAS ที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ:

  • กรุงเทพฯ: ROAS เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.5:1 ถึง 4:1 โดยมีความผันผวนตามเทศกาลและโปรโมชัน การใช้กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เช่น การทำโฆษณาผ่านอินฟลูเอนเซอร์ มีส่วนช่วยเพิ่ม ROAS ได้อย่างดี
  • ต่างจังหวัด: ROAS เฉลี่ยอยู่ที่ 2.5:1 ถึง 3:1 โดยมักใช้การตลาดแบบผสมผสาน ทั้งออนไลน์และกิจกรรมท้องถิ่นเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้ผลดีคือการปรับเนื้อหาโฆษณาและโปรโมชันให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงการใช้ภาษาถิ่นในบางพื้นที่ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้าได้ดีขึ้น และส่งผลให้ ROAS มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เทคนิคเพิ่ม ROAS ในช่วงพีคซีซั่น

ช่วงพีคซีซั่นเป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจที่จะเพิ่ม ROAS (Return on Ad Spend) ให้ได้ผลสูงสุด การปรับกลยุทธ์และการจัดการโฆษณาอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม นี่คือวิธีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริง:

การบริหารการประมูลโฆษณา

การจัดการการประมูลโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงพีคซีซั่นถือเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่ม ROAS คุณควรติดตามผลลัพธ์และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยมีแนวทางที่น่าสนใจดังนี้:

  • ช่วงเวลาที่มีการตอบสนองสูง: เพิ่มงบการประมูลในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มตอบสนองดี เช่น ช่วงเย็นหรือช่วงที่มีการใช้งานแพลตฟอร์มสูง
  • วันในสัปดาห์: โฟกัสไปที่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ เนื่องจากมักเป็นวันที่ผู้บริโภคมี Engagement สูง
  • ตำแหน่งโฆษณา: ใช้ข้อมูลย้อนหลังเพื่อเลือกตำแหน่งโฆษณาที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด เช่น บนฟีดหลักหรือในตำแหน่งที่มีการคลิกมาก

การบริหารการประมูลอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการตั้งเป้าหมาย ROAS ในระยะยาว

การตั้งเป้าหมาย ROAS รายไตรมาส

การตั้งเป้าหมาย ROAS ที่ชัดเจนในแต่ละไตรมาสช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวตามฤดูกาลและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:

  • วิเคราะห์ข้อมูลในอดีต: ศึกษาผลลัพธ์จากปีก่อนหน้าเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละฤดูกาลและเทศกาลสำคัญ
  • ปรับตามสภาพตลาด: ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในแต่ละไตรมาสให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด
  • ตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: หมั่นตรวจสอบผลลัพธ์และปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

การตั้งเป้าหมายที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่ม ROAS ได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกช่วงเวลา

sbb-itb-4ffe5b5

สรุปและขั้นตอนการดำเนินการ

ข้อค้นพบสำคัญ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ROAS มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยแคมเปญการตลาดมักต้องใช้เวลา 2-3 เดือนในการปรับตัวและเรียนรู้.

สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุม ควรตั้งเป้าหมาย ROAS ไว้ที่ 10:1 ถึง 12:1 เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของธุรกิจและความมั่นคงในระยะยาว การวัดผลที่มีประสิทธิภาพควรรวมถึง:

  • CPA (Cost Per Acquisition) และ LTV (Lifetime Value) เพื่อประเมินทั้งประสิทธิภาพและคุณภาพของลูกค้า
  • รายได้รวมจากแต่ละช่องทาง เพื่อวัดการเติบโตที่แท้จริงของธุรกิจ

บริการจาก VenueE Performance Marketing

VenueE Performance Marketing

VenueE Performance Marketing ใช้ข้อมูลและเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ROAS โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ SME ด้วยประสบการณ์การจัดการงบโฆษณากว่า 150 ล้านบาทต่อปี และการทำงานร่วมกับแบรนด์มากกว่า 100 แบรนด์ ทีมงานของ VenueE มีบริการที่ตอบโจทย์ดังนี้:

  • การวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสม
  • การติดตามผลแบบเรียลไทม์เพื่อปรับปรุงแคมเปญ
  • ปรับแคมเปญทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลใหม่
  • การวัดผล ROI ที่สามารถวิเคราะห์ได้จริงและนำไปใช้ได้ทันที

ด้วยการเป็น Meta Badged Partner ทีมงาน VenueE สามารถเข้าถึงเครื่องมือและความรู้ล่าสุด ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

FAQs

เครื่องมือ Prophet ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ ROAS ได้อย่างไร?

เครื่องมือ Prophet: เพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ ROAS

Prophet เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การคาดการณ์ ROAS (Return on Advertising Spend) มีความแม่นยำมากขึ้น ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลอนุกรมเวลาที่ซับซ้อน โดยอาศัยการผสมผสานองค์ประกอบสำคัญอย่าง แนวโน้ม (Trends), ฤดูกาล (Seasonality) และ ผลกระทบจากวันหยุด (Holiday Effects) ซึ่งช่วยสร้างแบบจำลองที่ตอบสนองต่อปัจจัยต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ทำให้ Prophet โดดเด่นคือความง่ายในการใช้งานและความยืดหยุ่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสายงานใด Prophet สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของคุณได้ นอกจากนี้ การประมวลผลที่รวดเร็วด้วยเทคนิค Vectorization ยังช่วยให้การคาดการณ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับธุรกิจในประเทศไทย Prophet เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนการตลาดที่ต้องคำนึงถึงฤดูกาลและเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์หรือปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มักส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างชัดเจน เครื่องมือนี้จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างชาญฉลาดและทันเวลา

ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่ม ROAS ในช่วงที่ยอดการตอบสนองลดลงได้อย่างไร?

วิธีเพิ่ม ROAS ในช่วงที่การตอบสนองลดลง

เมื่อยอดการตอบสนองลดลง ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่ม ROAS (Return on Ad Spend) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีการดังนี้:

  • วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง
    ย้อนกลับไปตรวจสอบข้อมูลยอดขายและ ROAS ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา เพื่อหาแนวโน้มที่ชัดเจน แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับแผนการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน
  • จัดการงบโฆษณาอย่างชาญฉลาด
    ลดงบประมาณในแคมเปญที่ไม่คุ้มค่า และจัดสรรงบเพิ่มเติมให้กับแคมเปญที่แสดงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูงกว่า
  • ออกโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้า
    ดึงดูดความสนใจด้วยโปรโมชั่นพิเศษหรือส่วนลดที่เหมาะกับช่วงเวลา เช่น ส่วนลดส่งท้ายปี หรือข้อเสนอพิเศษในช่วงวันหยุดยาว

การปรับกลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจใช้จ่ายโฆษณาได้อย่างคุ้มค่า และสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

เพราะเหตุใด ROAS ของร้านค้าปลีกในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจึงแตกต่างกัน และควรใช้กลยุทธ์การตลาดแบบใดเพื่อเพิ่ม ROAS ในแต่ละพื้นที่?

ROAS (Return on Advertising Spend) ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด: ปัจจัยที่ควรพิจารณา

ROAS หรือผลตอบแทนจากการใช้จ่ายโฆษณาของธุรกิจร้านค้าปลีกในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาจมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น พฤติกรรมผู้บริโภค, ความหนาแน่นของประชากร และ ผลกระทบจากฤดูกาลและเทศกาล ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่

ตัวอย่างเช่น ในกรุงเทพฯ แม้ว่าการแข่งขันในตลาดจะสูง แต่ก็มีข้อได้เปรียบในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงกว่า ในทางกลับกัน ต่างจังหวัดอาจมีต้นทุนการโฆษณาที่ต่ำกว่า แต่การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอาจต้องใช้แนวทางที่เจาะจงและเหมาะสมกับพื้นที่มากขึ้น

กลยุทธ์การเพิ่ม ROAS ให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่

การปรับกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของแต่ละพื้นที่สามารถช่วยเพิ่ม ROAS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น:

  • กรุงเทพฯ: โฟกัสไปที่การใช้โฆษณาออนไลน์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีโอกาส เช่น ช่วงสิ้นเดือนหรือเทศกาลสำคัญ นอกจากนี้ การเน้นโฆษณาในช่วงเวลาเร่งด่วน เช่น ช่วงเย็นหลังเลิกงาน อาจช่วยเพิ่มการมองเห็นได้
  • ต่างจังหวัด: การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชุมชนในพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ ลองใช้โปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่ เช่น ส่วนลดพิเศษในตลาดนัด หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายในงานเทศกาลท้องถิ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีต่อแบรนด์

การวิเคราะห์ข้อมูล: กุญแจสู่การปรับกลยุทธ์ที่แม่นยำ

การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้เครื่องมือคาดการณ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกช่องทางโฆษณา หรือการกำหนดโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้การลงทุนด้านโฆษณาเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกบริบทของธุรกิจคุณ

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ