Published May 24, 2025 ⦁ 9 min read

ระบบอัตโนมัติช่วยลดงานซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ SME ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายและใช้งานง่าย.

10 ระบบอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลาสำหรับ SME

10 ระบบอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลาสำหรับ SME

คุณกำลังมองหาวิธีประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ SME ของคุณหรือไม่? ระบบอัตโนมัติคือคำตอบที่ช่วยลดงานซ้ำซ้อน ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานได้ทันที

เริ่มต้นใช้งาน Zapier เพื่อสร้าง SMS Automation | เคล็ดลับ Martech ที่ไม่ควรพลาด | SMSKUB

Zapier

สรุป 10 ระบบอัตโนมัติที่ SME ควรใช้:

  1. ActiveCampaign: ระบบอีเมลมาร์เก็ตติ้งและ CRM ช่วยจัดการลูกค้าแบบอัตโนมัติ
  2. Omnisend: การตลาดอัตโนมัติสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมอีเมลและ SMS
  3. Zapier: เชื่อมต่อแอปพลิเคชันกว่า 7,000 รายการ สร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ
  4. Nintex: ระบบจัดการกระบวนการทำงานและเอกสารแบบโลว์โค้ด
  5. AccRevo: ระบบบัญชีออนไลน์ที่รองรับธุรกิจ SME ในไทย
  6. VenueE Performance Marketing: เอเจนซี่การตลาดดิจิทัลที่ช่วยจัดการโฆษณาแบบอัตโนมัติ
  7. Canva Pro: แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
  8. Grammarly AI: เครื่องมือตรวจสอบไวยากรณ์และช่วยเขียนเนื้อหา
  9. Otter AI: บันทึกและถอดเสียงประชุมอัตโนมัติ
  10. MeetGeek: ผู้ช่วย AI สำหรับการประชุม พร้อมฟีเจอร์สรุปการประชุม

เปรียบเทียบเครื่องมือ

เครื่องมือ ฟีเจอร์หลัก ราคาเริ่มต้น (บาท/เดือน) เหมาะสำหรับ
ActiveCampaign Email Marketing, CRM 540 การตลาดและขาย
Omnisend E-commerce Marketing, SMS 576 ร้านค้าออนไลน์
Zapier Workflow Automation ฟรี/มีแผนเสียเงิน ทุกธุรกิจ
Nintex Process Automation เริ่มต้น 18,750 องค์กรขนาดกลาง
AccRevo ระบบบัญชี เริ่มต้น 5,000/ปี SME ในไทย
VenueE Performance Marketing Digital Marketing ตามโครงการ การตลาดดิจิทัล
Canva Pro การออกแบบกราฟิก 300/คน/เดือน การตลาด
Grammarly AI การเขียนและแก้ไขภาษา 600 การสื่อสาร
Otter AI การบันทึกและถอดเสียงประชุม 280 การประชุม
MeetGeek AI Meeting Assistant ฟรี/มีแผนเสียเงิน การประชุม

เริ่มต้นวันนี้! เลือกเครื่องมือที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ทดลองใช้งานฟรี และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ทันที

1. ActiveCampaign

ActiveCampaign

ActiveCampaign คือแพลตฟอร์มที่ผสมผสานระหว่างอีเมลมาร์เก็ตติ้งและ CRM ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับ 1 ด้านระบบอัตโนมัติ โดยออกแบบมาเพื่อช่วยธุรกิจ SME ลดงานที่ทำซ้ำๆ และมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่สำคัญยิ่งกว่า ต่อไปนี้เราจะมาดูกันว่าแต่ละฟีเจอร์ของ ActiveCampaign ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้อย่างไร

ศักยภาพในการประหยัดเวลา

ActiveCampaign ช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อนที่มักใช้เวลามากเกินควรในแต่ละวัน โดยเฉพาะในงานด้านดิจิทัลที่ 51% ของพนักงานมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหลัก ฟีเจอร์ระบบอัตโนมัติของแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ SME:

  • จัดการส่งอีเมลติดตามลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ
  • แบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรม เพื่อส่งข้อความที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม
  • ติดตามและสร้างความสัมพันธ์กับลีด ตั้งแต่เริ่มสนใจจนกลายเป็นลูกค้า

จากข้อมูลพบว่าบริษัทที่ใช้ระบบอัตโนมัติทางการตลาดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10-15% และแคมเปญอีเมลสำหรับกู้คืนตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้งไว้มีอัตราการแปลงสูงถึง 10%

ความเกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน SME

การลดงานซ้ำซ้อนช่วยให้ SME มีเวลาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญกว่า เช่น การสร้างแบรนด์ที่ดูทันสมัย แม้ธุรกิจจะมีทรัพยากรบุคคลหรือความเชี่ยวชาญที่จำกัด ฟีเจอร์เด่นที่ตอบโจทย์ SME ได้แก่:

  • ระบบ CRM สำหรับจัดการลีด, ผู้ติดต่อ และดีลต่างๆ
  • การตลาดหลายช่องทาง ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางที่พวกเขาชื่นชอบ
  • การวิเคราะห์และรายงาน ที่ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกระบวนการขาย

ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น บริษัท McCrindle ใช้ ActiveCampaign ในการจัดการลีดอัตโนมัติ ส่งผลให้อัตราเปิดและคลิกเฉลี่ยในแคมเปญสูงถึง 34% หรือ Morrow Audio ที่สามารถกู้ยอดขายที่สูญเสียไปได้ถึง $30,000 (ประมาณ 1.08 ล้านบาท) ด้วยการส่งอีเมลกู้คืนตะกร้าสินค้าเพียง 2 ฉบับ ซึ่งช่วยกู้คืนตะกร้าที่ถูกทิ้งไว้ได้ถึง 26%

การปรับใช้สำหรับผู้ใช้ไทย

ActiveCampaign รองรับการใช้งานบางส่วนในภาษาไทย ทำให้ผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถสร้างแคมเปญที่เหมาะกับตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความคุ้มค่าในด้านต้นทุน

แม้ว่า ActiveCampaign อาจมีราคาสูงกว่าคู่แข่งบางราย แต่ฟีเจอร์ที่ครบครันและทรงพลังนั้นถือว่าคุ้มค่า โดยแผนราคารายเดือนเริ่มต้นที่:

  • Starter: $15 (ประมาณ 540 บาท) ต่อเดือน สำหรับ 1,000 รายชื่อ

2. Omnisend

Omnisend

ต่อจากระบบอื่นที่ช่วยลดงานซ้ำซ้อน Omnisend โดดเด่นในเรื่องการรวมหลายช่องทางการตลาดเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

Omnisend เป็นแพลตฟอร์มการตลาดอัตโนมัติที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) สามารถสื่อสารกับลูกค้าผ่านอีเมลและ SMS ได้ในที่เดียว

ประหยัดเวลาได้มากขึ้น

Omnisend ช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากในการส่งข้อความการตลาดด้วยระบบอัตโนมัติที่ครอบคลุมทั้งอีเมลและ SMS โดย SMS มีอัตราการเปิดสูงถึง 98% และอัตราการคลิกมากกว่า 10% เมื่อใช้ร่วมกับอีเมล ยังช่วยเพิ่มอัตราการแปลงได้ถึง 47.7%.

แพลตฟอร์มนี้มาพร้อมเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติและเครื่องมือลากวางที่ใช้งานง่าย ทำให้นักการตลาดสามารถปรับแต่งแคมเปญได้อย่างสะดวก. นอกจากนี้ ฟีเจอร์การแบ่งกลุ่มลูกค้าช่วยให้สามารถส่งข้อความที่ตรงกับพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและอัตราการแปลง.

"เราเห็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากอีเมลอัตโนมัติ โดยเฉพาะในแคมเปญกู้คืนตะกร้าสินค้า ที่มีอัตราการแปลงถึง 87% และรายได้ต่ออีเมลเฉลี่ย 7.44 ดอลลาร์ (ประมาณ 268 บาท)" - Allison Caufield, Senior Marketing Manager ที่ FiGPiN

เหมาะสำหรับ SME

Omnisend รองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยม เช่น Shopify, BigCommerce และ WooCommerce. การซิงค์ข้อมูลร้านค้าอัตโนมัติช่วยให้สร้างแคมเปญที่ปรับแต่งได้ง่ายขึ้น และนักการตลาดที่ใช้หลายช่องทางในแคมเปญมักได้รับอัตราการสั่งซื้อที่สูงขึ้นถึง 494%.

แพลตฟอร์มนี้ยังมีเครื่องมือสร้างอีเมลที่ใช้งานง่าย โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด. ฟีเจอร์พิเศษ เช่น การ์ดขูด โค้ดส่วนลด และกล่องของขวัญ สามารถเพิ่มลงในอีเมลเพื่อดึงดูดความสนใจได้.

ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น Divatress ที่สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 123,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.4 ล้านบาท) ในปีแรกจากการใช้ SMS มาร์เก็ตติ้งผ่าน Omnisend. หรือ B-Wear ที่ใช้ SMS เพื่อโปรโมตเซลแฟลชและการจัดส่งฟรี ทำให้เข้าถึงลูกค้าที่อาจพลาดอีเมลได้ทันเวลา. ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ SME ในไทยสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

"แค่ตั้งค่าระบบอัตโนมัติขั้นพื้นฐานก็ถือเป็นชัยชนะที่ง่ายมาก และไม่มีเหตุผลที่จะไม่รวม SMS เข้ากับแคมเปญอีเมล" - Rob Lin, เจ้าของและผู้ก่อตั้ง Divatress

การใช้งานในประเทศไทย

Omnisend พร้อมให้บริการในประเทศไทย. แพลตฟอร์มนี้รองรับการเชื่อมต่อกับ Shopify และ WooCommerce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมในหมู่ธุรกิจไทย การส่ง SMS ควรกำหนดเวลาในช่วง 10.00-14.00 น. หรือ 19.00-21.00 น. เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า.

ราคาที่เข้าถึงได้

Omnisend มีแผนใช้งานฟรีที่รองรับรายชื่อได้ 250 รายชื่อ และส่งข้อความได้ 500 ฉบับต่อเดือน. สำหรับแผนเสียเงิน เริ่มต้นที่ 16 ดอลลาร์ (ประมาณ 576 บาท) ต่อเดือนสำหรับแผน Standard และ 59 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,124 บาท) ต่อเดือนสำหรับแผน Pro.

3. Zapier

หลังจากที่พูดถึงระบบการตลาดอัตโนมัติไปแล้ว ลองมาดู Zapier เครื่องมือที่ช่วยเชื่อมต่อแอปพลิเคชันต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย

Zapier เป็นบริการออนไลน์ที่ช่วยให้แอปพลิเคชันหลากหลายทำงานร่วมกันได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด ธุรกิจ SME สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า Zaps เพื่อให้แอปพลิเคชันหลายตัวทำงานประสานกันได้อย่างราบรื่น โดย Zapier รองรับการเชื่อมต่อแอปกว่า 7,000 แอป เช่น Gmail, Trello, และ Slack มาดูกันว่าเครื่องมือนี้ช่วย SME ประหยัดเวลาและลดงานซ้ำซ้อนได้อย่างไร

ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มเวลาให้กับสิ่งสำคัญ

Zapier ช่วยจัดการงานที่ต้องทำซ้ำ เช่น การจัดการอีเมล การโพสต์บนโซเชียลมีเดีย การติดตามลูกค้า หรือการสร้างใบแจ้งหนี้ มีข้อมูลระบุว่าพนักงาน SME ถึง 70% พบว่าซอฟต์แวร์อัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ตัวอย่างเช่น SME แห่งหนึ่งที่เคยเสียเวลามากกับการตอบอีเมลลูกค้า ได้ใช้ Zapier เชื่อมระบบอีเมลเข้ากับ CRM เพื่อจัดหมวดหมู่อีเมลและสร้างงานติดตามอัตโนมัติ ผลลัพธ์คือสามารถลดเวลาจัดการอีเมลลงได้ถึง 50% หรือทีมการเงินที่ใช้ Zapier ในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างซอฟต์แวร์ขายและบัญชี ก็สามารถประหยัดเวลาได้ถึง 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

"Zapier's ability to connect disparate systems with ease is a game-changer for SMEs looking to automate their workflows and reduce manual processing time." - Stephen McClelland, Digital Strategist, ProfileTree

ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ SME

นอกจากช่วยประหยัดเวลาแล้ว ธุรกิจที่นำระบบอัตโนมัติมาใช้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 20-35% Zapier ยังช่วยลดต้นทุนได้ถึง 30% และ 68% ของธุรกิจรายงานว่าความแม่นยำของข้อมูลดีขึ้น นอกจากนี้ 35% ของธุรกิจขนาดเล็กระบุว่าการใช้ระบบอัตโนมัติช่วยยกระดับการบริการลูกค้า อีกทั้ง Zapier ยังเชื่อมต่อระบบเก่ากับแพลตฟอร์มใหม่ได้ผ่าน API แบบกำหนดเอง, webhooks หรือเครื่องมือกลางอื่นๆ

การใช้งานที่เหมาะกับธุรกิจในไทย

สำหรับ SME ไทยที่มักเจอกับงานซ้ำซ้อน ใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงต่อเดือน Zapier เป็นตัวช่วยที่สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันหลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งค่าเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ การใช้งานที่เข้าใจง่ายทำให้ Zapier เหมาะกับ SME ไทยที่ต้องการลดภาระงานและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน

ราคาเหมาะสมสำหรับ SME

Zapier มีโครงสร้างราคาที่ช่วยให้ SME ใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ แผนฟรีของ Zapier รองรับการทำงานอัตโนมัติขั้นพื้นฐาน และยังมีช่วงทดลองใช้ 14 วันสำหรับฟีเจอร์พรีเมียม นอกจากนี้ยังมีแผนราคาแบบขั้นบันไดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามขนาดและความต้องการของธุรกิจ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เริ่มต้นใช้งาน สามารถใช้แผนฟรีก่อน และค่อยอัปเกรดเป็นแผนพรีเมียมเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น

4. Nintex

Nintex

หลังจากที่เราได้พูดถึงเครื่องมือสำหรับเชื่อมต่อแอปพลิเคชันต่าง ๆ กันไปแล้ว คราวนี้มาทำความรู้จักกับ Nintex กันบ้าง นี่คือแพลตฟอร์มโลว์โค้ดที่ช่วยให้ธุรกิจ SME สามารถสร้างระบบอัตโนมัติในหลากหลายแผนกได้ง่าย ๆ ด้วยฟีเจอร์อย่างการสร้างแผนที่กระบวนการ, การพัฒนาแอปพลิเคชัน และ RPA (Robotic Process Automation) ซึ่งช่วยลดเวลาที่ใช้ไปกับงานซ้ำซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ

Nintex ยังสามารถทำงานร่วมกับระบบต่าง ๆ เช่น Microsoft และ Salesforce ได้อย่างราบรื่น ทำให้ธุรกิจสามารถจัดการงานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ

ลดเวลาที่เสียไปกับงานซ้ำซ้อน

รู้หรือไม่ว่า พนักงานส่วนใหญ่ใช้เวลาถึง 50% ไปกับงานซ้ำซ้อน เช่น การสร้างหรืออัปเดตเอกสาร และการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง Nintex เข้ามาช่วยจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดี ด้วยการทำให้งานอนุมัติเร็วขึ้น การติดตามงานง่ายขึ้น และการจัดการกระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ UVA Health ที่ใช้ Nintex Process Platform เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน ทำให้สามารถลดเวลาและเพิ่มความคล่องตัวได้อย่างมาก โดย Ian Mack จาก UVA Health กล่าวว่า:

"If you have any process that you do routinely that follow the same basic steps, you can and should use Nintex Process Platform. It really helps you flush out processes, even ones you have had for years. Doing this allows you to streamline those processes and free your time up."

โซลูชันที่ตอบโจทย์ SME

สำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องจัดการกับการอนุมัติ, การติดตามงาน และการจัดการเอกสาร Nintex เป็นตัวช่วยที่ใช้งานง่าย แม้ไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ด ระบบอัตโนมัติช่วยลดภาระงานที่ไม่จำเป็น ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานที่สำคัญมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความพึงพอใจของพนักงาน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคล

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Ricoh Electronics, Inc. ที่สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันซับซ้อนได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน หรือ Marmaris Traveller ที่เพิ่มอัตราการตอบกลับแบบสำรวจได้ถึง 12-15% หลังจากเริ่มใช้ Nintex

Rick Casteel, รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า:

"By deploying Nintex, we minimized the time effort, potential for error and frustration that used to be part of getting each new employee to a point of productivity, new employees can get right to work on day one."

ใช้งานง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น

Nintex ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ผู้ใช้สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์ได้เพียงแค่ลากและวาง เหมาะสำหรับทีมที่เพิ่งเริ่มต้นปรับใช้ระบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยจัดการการสื่อสารในโปรเจกต์ ลดปัญหาการพลาดเดดไลน์ และลดความเข้าใจผิดในทีม

Louisa Sharp หัวหน้าฝ่ายบริหารความสัมพันธ์ กล่าวว่า:

"Nintex does what it says. It's so easy to use and all our information is in one place. I'd not heard of Nintex before our partner introduced us, but I would happily recommend them to anyone who asked."

ความคุ้มค่าของการลงทุน

แม้ว่า Nintex จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 18,750 บาทต่อเดือน แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจคุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดการกระบวนการที่ซับซ้อน Nintex ยังมีการทดลองใช้ฟรี 30 วัน และการสาธิตฟรี ทำให้ธุรกิจ SME สามารถทดลองใช้งานและประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจลงทุน

หากคุณต้องการเริ่มต้น ลองทำแผนที่กระบวนการของคุณเพื่อลดงานซ้ำซ้อนและเพิ่ม ROI ได้เลย

5. AccRevo

หลังจากที่เราได้พูดถึงเครื่องมือระบบอัตโนมัติหลายแบบกันไปแล้ว มาถึง AccRevo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบัญชีออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยธุรกิจ SME โดยเฉพาะ ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี AI Accounting Intelligence และฟีเจอร์แปลงรูปภาพเป็นข้อความ ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการเอกสารบัญชี.

AccRevo มีเป้าหมายในการยกระดับงานบัญชีให้ทันสมัยขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากถึง 5,199 บริษัท และ 12,645 ผู้ใช้รายบุคคล พร้อมเครือข่ายสำนักงานบัญชี 81 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศไทย. มาดูกันว่า AccRevo ช่วยธุรกิจประหยัดเวลาและลดขั้นตอนยุ่งยากในงานบัญชีได้อย่างไรบ้าง

ลดเวลาการจัดการงานบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในจุดเด่นของ AccRevo คือการช่วยลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนในงานบัญชี ฟีเจอร์อย่าง Accosystem ช่วยแปลงไฟล์รูปภาพเป็นข้อความและทำบัญชีพื้นฐานได้โดยอัตโนมัติ.

คุณพลชา โรจน์เลิศจรรยา, กรรมการผู้จัดการบริษัท มันนี่ ไดอารี่ส์ จำกัด เล่าถึงประสบการณ์ว่า:

"จัดการเอกสารด้านบัญชี-การเงิน ภาษี ให้ง่ายขึ้น ลดเวลาการจัดการด้านบัญชี ภาษีได้เยอะมาก ใช้งานง่ายสรุปรีพอร์ต ได้แบบ Realtime".

นอกจากนี้ ระบบยังมาพร้อม Dashboard ที่ช่วยสรุปข้อมูลธุรกิจรายวันในรูปแบบที่ปรับแต่งได้ ช่วยให้ผู้บริหาร SME สามารถติดตามสถานะการเงินได้แบบเรียลไทม์.

ออกแบบมาเพื่อ SME ไทย

AccRevo ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของ SME ไทยโดยเฉพาะ ระบบปฏิบัติตามมาตรฐานของกรมสรรพากร และมีระบบ Cloud Service ที่ปลอดภัย พร้อมการสำรองข้อมูลอัตโนมัติทุกวัน. รองรับภาษาไทยและสกุลเงินบาท รวมถึงมีเครือข่ายนักบัญชีและสำนักงานบัญชีทั่วประเทศ ทำให้การเข้าถึงการสนับสนุนเป็นเรื่องง่าย.

คุณราชิต ไชยรัตน์, นักบัญชีและเจ้าของ AccRevo อธิบายว่า:

"แม้จะมองว่าการทำบัญชีซับซ้อน แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการกระชับธุรกิจและลดความเสี่ยงในการจัดการ".

AccRevo ยังช่วยเตรียมธุรกิจให้พร้อมเข้าสู่โลกดิจิทัล ด้วยการสนับสนุนการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

คุณอภิวัฒน์ หวังมีชัย, กรรมการผู้จัดการบริษัท บนกองเงินกองทอง จำกัด เสริมว่า:

"AccRevo ทำให้ผู้บริหารสามารถดูข้อมูล สถานะการเงินบริษัทฯ ได้ทุกที่ ทุกเวลา บนข้อมูลที่เชื่อถือได้ทำให้มั่นใจ ต่อการออกกลยุทธ์บริหารงาน".

ในปี 2024 AccRevo ยังได้ร่วมมือกับ CapBay จากมาเลเซีย เพื่อพัฒนาโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรสำหรับ SME โดยเน้นการเสริมสร้างกระแสเงินสดและการวางแผนทางการเงิน .

ราคาที่คุ้มค่าสำหรับ SME

AccRevo มีแพ็กเกจที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับธุรกิจ SME โดยเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท/ปี/บริษัท.

6. VenueE Performance Marketing

VenueE Performance Marketing

VenueE Performance Marketing คือเอเจนซี่การตลาดดิจิทัลที่ได้รับการรับรอง Meta Badged Partner จาก Facebook โดยมุ่งเน้นช่วย SME ลดเวลาในการจัดการแคมเปญด้วยระบบอัตโนมัติ ปัจจุบัน VenueE เป็นหนึ่งใน 30 เอเจนซี่ในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองนี้ โดยมีการลงทุนในโฆษณามากกว่า 150 ล้านบาทต่อปี พร้อมให้บริการแบรนด์กว่า 100 ราย นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2021

ลดภาระงานซ้ำซ้อนด้วยระบบอัตโนมัติ

VenueE Performance Marketing ใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อช่วย SME ลดภาระงานซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากข้อมูลพบว่า 78% ของธุรกิจที่ร่วมแคมเปญกับ VenueE เลือกใช้ระบบอัตโนมัติในการลดงานที่ทำซ้ำ และ 91% ของนักการตลาดดิจิทัลยืนยันว่าซอฟต์แวร์อัตโนมัติช่วยเพิ่มความสำเร็จในแคมเปญ ระบบนี้ช่วยให้ทีมการตลาดสามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น โดย VenueE ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการโฆษณา ติดตามผลแบบเรียลไทม์ และนำเสนอรายงานผลที่โปร่งใส

ออกแบบเพื่อ SME ไทยโดยเฉพาะ

VenueE Performance Marketing เข้าใจถึงความต้องการของ SME ไทยที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และรายได้ที่เพิ่มขึ้น มากกว่าการทำโฆษณาเพื่อเพิ่มยอด like, comment หรือ share เพียงอย่างเดียว งานวิจัยชี้ว่าองค์กรที่ใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขายได้ 10% และเพิ่มรายได้โดยรวมถึง 12.2% นอกจากนี้ VenueE ยังเสนอการให้บริการแบบรายเดือนโดยไม่มีข้อผูกมัด และจัดประชุมร่วมกับทีมลูกค้าทุก 2 สัปดาห์ เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง

ออกแบบระบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ไทย

VenueE Performance Marketing ทำงานในรูปแบบพาร์ทเนอร์กับลูกค้า โดยเน้นความโปร่งใสและการควบคุมข้อมูลของลูกค้าเอง ระบบของ VenueE ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง และดำเนินแคมเปญผ่านบัญชีธุรกิจของลูกค้าเอง ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของข้อมูลทั้งหมด การทำงานในลักษณะนี้ไม่เพียงช่วยสร้างความไว้วางใจ แต่ยังช่วยรักษาความต่อเนื่องของข้อมูล แม้ลูกค้าจะเปลี่ยนเอเจนซี่ในอนาคต

sbb-itb-4ffe5b5

7. Canva Pro

Canva Pro

เมื่อพูดถึงการออกแบบที่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจ SME Canva Pro เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ไม่ควรมองข้าม แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกออนไลน์นี้ช่วยให้ธุรกิจสร้างสื่อการตลาดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI ที่ช่วยลดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการออกแบบ

ประหยัดเวลาได้อย่างชัดเจนด้วย AI

ฟีเจอร์อย่าง Magic Resize ช่วยปรับขนาดงานออกแบบให้เหมาะกับทุกแพลตฟอร์มในคลิกเดียว และ Brand Kit ช่วยจัดการสี ฟอนต์ และโลโก้ของแบรนด์ให้พร้อมใช้งานอัตโนมัติ ทำให้การสร้างสื่อการตลาดเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว

"ฉันประหยัดเวลาได้มาก เราสร้างโพสต์โซเชียลมีเดียประมาณ 10 โพสต์ต่อเดือน และตอนนี้ฉันประหยัดเวลาได้เต็มวันต่อหนึ่งโพสต์ ซึ่งเท่ากับประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 10 วันต่อเดือน"

  • Carla Ruiz Martínez, Designer, Peppy

การศึกษาพบว่า Canva Pro ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างคอนเทนต์ได้ถึง 60% และลดเวลาการทำงานลงถึง 90% เมื่อเทียบกับเครื่องมือเดิม สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจลดการพึ่งพาทีมออกแบบภายนอกได้อย่างมาก

เหมาะกับ SME ที่ต้องการความคล่องตัว

Canva Pro เหมาะสำหรับ SME ที่ต้องการสร้างสื่อการตลาดที่ดูเป็นมืออาชีพโดยไม่ต้องจ้างนักออกแบบ แพลตฟอร์มนี้มีทรัพยากรการออกแบบให้เลือกใช้มากมาย เช่น เทมเพลต ภาพถ่าย กราฟิก และวิดีโอคุณภาพสูงกว่า 100 ล้านรายการ นอกจากนี้ยังรองรับการออกแบบเนื้อหาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโพสต์โซเชียลมีเดีย ใบปลิว หรือพรีเซนเทชัน อีกทั้งระบบ Content Planner ยังช่วยให้การวางแผนและจัดตารางโพสต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

รองรับการใช้งานในประเทศไทย

ฟีเจอร์ Translate ช่วยแปลงานออกแบบเป็นภาษาไทยและภาษาอื่นๆ กว่า 100 ภาษาในคลิกเดียว ทำให้ธุรกิจสามารถขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Canva Pro ยังรองรับการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ยอดนิยมอย่าง Google Drive และ SharePoint เพื่อให้การทำงานร่วมกันในทีมเป็นไปอย่างราบรื่น

การลงทุนที่คุ้มค่า

Canva Pro มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเพียง 3,600 บาทต่อปีต่อผู้ใช้ สำหรับทีมสามารถเลือกใช้แพ็กเกจ Canva Teams ที่เริ่มต้นเพียง 3,000 บาทต่อคนต่อปี (ขั้นต่ำ 3 คน) เมื่อพิจารณาถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านการออกแบบได้ถึง 50% และลดภาระงานออกแบบภายนอกได้ 30% ถือว่าเป็นการลงทุนที่ช่วยประหยัดได้อย่างมาก

"Canva ช่วยให้เราอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่มันยังเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ที่ให้ความสนุกและมหัศจรรย์แก่ทีมงานในการทำงานประจำวัน ฉันไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเราจะไม่เป็นลูกค้าอีกต่อไป"

  • Joel Connolly, Creative Director, Blackbird

8. Grammarly AI

Grammarly AI

Grammarly AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยธุรกิจ SME ตรวจสอบไวยากรณ์ การสะกดคำ และสร้างร่างเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้การเขียนเอกสารธุรกิจ อีเมล และเนื้อหาการตลาดเป็นเรื่องง่ายและมั่นใจมากขึ้น มาดูกันว่า Grammarly AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเวลาได้อย่างไร

ประหยัดเวลาและเพิ่มความเร็วในการทำงาน

Grammarly AI ช่วยลดเวลาการเขียนด้วยการสร้างร่างและโครงร่างเนื้อหาอัตโนมัติ คุณจึงไม่ต้องเสียเวลาคิดโครงสร้างเอกสารตั้งแต่ต้น จากการศึกษาพบว่าการแก้ไขเนื้อหาด้วย Grammarly สามารถทำได้เร็วขึ้นถึง 3 เท่า นอกจากนี้ องค์กรที่ใช้เครื่องมือนี้ยังรายงานว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายได้เฉลี่ยถึง 150,000 บาทต่อปีต่อพนักงาน

"Grammarly เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม - ฉันใช้มาหลายปีแล้วและมันช่วยให้ฉันเขียนได้อย่างชัดเจนและมั่นใจมากขึ้นเสมอ ดีใจที่ได้เห็นผลลัพธ์ที่วัดได้ในด้านการพัฒนาผลงานของนักเรียนและการสนับสนุนครูในวงกว้าง"

  • Iroda Turajanova, Senior Fullstack Developer

ตัวช่วยที่เหมาะกับธุรกิจ SME

Grammarly AI ช่วยให้ทีมงานรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจสามารถอัปโหลดคู่มือสไตล์ของบริษัทเข้าสู่ระบบเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงกับตัวตนของแบรนด์ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องคัดลอกและวางข้อความไปยังโปรแกรมอื่น อีกทั้งยังมีฟีเจอร์แปลภาษาที่ช่วยลดการพึ่งพาเครื่องมือแปลภายนอก

การใช้งานที่ตอบโจทย์ในประเทศไทย

แม้ว่า Grammarly จะเน้นสนับสนุนภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ฟีเจอร์แปลภาษาของมันรองรับภาษาต่าง ๆ เช่น จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี และอีกหลายภาษา ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจไทยที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติ ระบบสามารถแปลข้อความได้สูงสุด 4,000 ตัวอักษรต่อครั้ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการเขียนอีเมล ข้อเสนอ หรือเนื้อหาการตลาด

แผนการใช้งานและความคุ้มค่า

Grammarly มีแผนการใช้งานที่ยืดหยุ่น:

  • แผนฟรี: รวมฟีเจอร์ตรวจไวยากรณ์ การสะกดคำ เครื่องหมายวรรคตอน และ AI prompts จำนวน 100 ครั้ง
  • แผน Premium: ราคา 600 บาทต่อเดือน (เมื่อชำระรายปี) เพิ่มฟีเจอร์การเขียนประโยคใหม่ การตรวจสอบการลอกเลียน และ AI prompts 1,000 ครั้ง
  • แผน Business: ราคา 750 บาทต่อเดือน (เมื่อชำระรายปี) มาพร้อมคู่มือสไตล์ การจัดการเสียงแบรนด์ และแดชบอร์ดวิเคราะห์

เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการจ้างบรรณาธิการภายนอก Grammarly ถือเป็นตัวเลือกที่ช่วยประหยัดต้นทุนได้ดีเลยทีเดียว

9. Otter AI

Otter AI

Otter AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยบันทึกเสียงและสร้างบทสรุปการประชุมแบบอัตโนมัติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจ SME ลดเวลาในการจดบันทึกและจัดการการประชุม ระบบนี้สามารถเข้าร่วมการประชุมออนไลน์และสร้างบทสรุปที่ครบถ้วน ช่วยให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การพูดคุยและตัดสินใจได้อย่างเต็มที่

ประหยัดเวลาได้อย่างชัดเจน

Otter AI ช่วยลดเวลาที่สูญเสียไปกับการประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพได้อย่างมาก โดยจากข้อมูลพบว่า ทีมงานใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการประชุม แต่กว่า 71% ของการประชุมเหล่านั้นกลับไม่เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ส่งผลให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 1.2 ล้านล้านบาทต่อปีจากการสูญเสียประสิทธิภาพ.

เครื่องมือนี้สามารถสรุปการประชุมที่ใช้เวลา 1 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 30 วินาที และช่วยให้ผู้ใช้กว่า 62% สามารถประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ . นอกจากนี้ ระบบยังสามารถบันทึกบทสนทนาได้อย่างแม่นยำถึง 98%. คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Otter AI เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

เหมาะกับธุรกิจ SME

Otter AI มีฟีเจอร์หลากหลายที่ตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจ SME ได้เป็นอย่างดี ระบบสามารถเข้าร่วมการประชุมบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Zoom, Google Meet และ Microsoft Teams ได้โดยอัตโนมัติ. ด้วยฟีเจอร์ OtterPilot ที่ทำหน้าที่เป็นผู้บันทึกแบบดิจิทัลแทนมนุษย์.

นอกจากนี้ ระบบยังสามารถจับรายการสิ่งที่ต้องทำจากการประชุมและมอบหมายงานได้โดยอัตโนมัติ. หลังการประชุม คุณสามารถแชร์บทสรุปและรายงานได้ทันที รวมถึงฝึกระบบให้จดจำเสียงของผู้พูดและเพิ่มคำศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้. ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้การติดตามงานและการจัดการข้อมูลจากการประชุมเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว

สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย

แม้ว่า Otter AI จะรองรับภาษาอังกฤษ (สำเนียงอเมริกันและอังกฤษ), สเปน และฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ระบบยังสามารถจัดการกับสำเนียงที่หลากหลายได้ดี. สำหรับธุรกิจในประเทศไทยที่สนใจใช้งาน อาจต้องดำเนินการประชุมเป็นภาษาอังกฤษ หรือเลือกใช้ฟีเจอร์แปลภาษาผ่าน Otter Chat.

ปัจจุบัน Otter AI มีผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก และได้รับคะแนนรีวิว 4.7 จาก 5 บน App Store. ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความสามารถของเครื่องมือนี้ได้เป็นอย่างดี

ตัวเลือกที่คุ้มค่า

Otter AI มีแผนการใช้งานที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับธุรกิจทุกขนาด:

  • แผนฟรี: ให้บริการถอดเสียง 300 นาทีต่อเดือน พร้อมฟีเจอร์สรุปการประชุมแบบเรียลไทม์.
  • แผน Pro: ราคาอยู่ที่ประมาณ 280 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน (เมื่อชำระรายปี) ครอบคลุมการประชุมไม่จำกัดและบทสรุปที่สร้างด้วย AI.
  • แผน Business: ราคาอยู่ที่ประมาณ 670 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน (เมื่อชำระรายปี) สำหรับทีมงาน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร การฝึกคำศัพท์เฉพาะ และฟีเจอร์จัดการทีมขั้นสูง.

สำหรับนักเรียนและครูที่ใช้อีเมล .edu ยังสามารถรับส่วนลด 20% สำหรับแผน Pro ได้.

ด้วยฟีเจอร์และแผนการใช้งานที่หลากหลาย Otter AI จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการปรับปรุงกระบวนการประชุมและลดเวลาในการจดบันทึก.

10. MeetGeek

MeetGeek

MeetGeek คือผู้ช่วยการประชุมที่ใช้ AI ในการช่วยให้ธุรกิจ SME จัดการการประชุมได้สะดวกขึ้น ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ฟีเจอร์หลักของมันรวมถึงการบันทึกอัตโนมัติ การถอดเสียง การสรุปการประชุมแบบอัจฉริยะ การตรวจจับคำสำคัญ และการวิเคราะห์การประชุม

ประหยัดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

MeetGeek ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SME ประหยัดเวลา โดยสามารถเชื่อมต่อกับปฏิทินและเข้าร่วมประชุมตามตารางได้ทันที ระบบจะบันทึก ถอดเสียง และสรุปการประชุมให้อัตโนมัติ ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบทถอดเสียงและสรุปผ่านแพลตฟอร์มได้ง่ายดาย และแชร์ข้อมูลเหล่านี้กับทีมได้ทันที ความแม่นยำในการถอดเสียงสูงถึง 95% พร้อมทั้งสร้างสรุปในรูปแบบรายการ เช่น สิ่งที่ต้องทำ ขั้นตอนถัดไป ข้อกังวล ข้อเท็จจริง และการตัดสินใจ

ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับทุกแผนกในองค์กร SME อย่างชัดเจน

ความเหมาะสมกับธุรกิจ SME

MeetGeek มีความยืดหยุ่นที่สามารถปรับใช้ได้กับทุกแผนก ไม่ได้จำกัดเฉพาะทีมขาย ระบบยังมาพร้อมเทมเพลตการประชุม เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ การเชื่อมต่อกับ Zapier และฟีเจอร์วิเคราะห์ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ

ด้วยคะแนนรีวิวเฉลี่ย 4.3 จาก 5 ดาว ผู้ใช้งานต่างชื่นชมในความง่ายของระบบและการลดภาระงานธุรการผ่านฟีเจอร์สรุปประชุม

การใช้งานสำหรับผู้ใช้ในไทย

แม้จะไม่มีการระบุชัดเจนว่ารองรับภาษาไทย แต่ MeetGeek รองรับหลายภาษามากกว่า Otter AI โดยมีผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนมาก รวมถึงอินโดนีเซียที่มีผู้ใช้งานถึง 5.13% และการมีสำนักงานของ DotYeti ในประเทศไทยก็สะท้อนถึงความเข้าใจในตลาดในภูมิภาคนี้.

MeetGeek มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ประมาณ 218,700 คนต่อเดือน โดยผู้ใช้งานใช้เวลาเฉลี่ย 2 นาที 51 วินาทีต่อการเข้าชม ซึ่งแสดงถึงความสนใจและการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความคุ้มค่าในด้านต้นทุน

MeetGeek เสนอแผนการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะกับงบประมาณของธุรกิจ SME โดยเฉพาะแผนฟรีที่มาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านการฝึกอบรมหรือการเตรียมความพร้อม

ตารางเปรียบเทียบเครื่องมือ

หลังจากที่เราได้พูดถึงคุณสมบัติของเครื่องมือต่าง ๆ ไปแล้ว มาดูภาพรวมในรูปแบบตารางเพื่อช่วยให้คุณเปรียบเทียบและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น การเลือกเครื่องมืออัตโนมัติที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจ SME ควรพิจารณาจากฟีเจอร์หลัก การใช้งาน และความเหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของคุณ ตารางด้านล่างนี้สรุปข้อมูลสำคัญของแต่ละเครื่องมือ:

เครื่องมือ ฟีเจอร์หลัก ราคาเริ่มต้น (บาท/เดือน) เหมาะสำหรับ ข้อดีเด่น
ActiveCampaign Email Marketing, CRM, Marketing Automation ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ การตลาดและขาย ระบบ CRM ที่ครบวงจร
Omnisend E-commerce Marketing, SMS, Email ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ ร้านค้าออนไลน์ เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม E-commerce ได้ดี
Zapier การเชื่อมต่อแอป, Workflow Automation ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ ทุกประเภทธุรกิจ รองรับการเชื่อมต่อแอปกว่า 5,000 รายการ
Nintex Process Automation, Document Management ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ องค์กรขนาดกลาง ระบบจัดการเอกสารที่มีประสิทธิภาพสูง
AccRevo บัญชีและการเงิน ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ SME ในไทย รองรับข้อกำหนดตามกฎหมายไทย
VenueE Performance Marketing Digital Marketing, ROI Tracking ตามโครงการ SME ทุกประเภท ได้รับการรับรอง Meta Badged Partner
Canva Pro การออกแบบกราฟิก ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ การตลาดและสื่อสาร มีเทมเพลตหลากหลาย ใช้งานง่าย
Grammarly AI การเขียนและแก้ไขภาษา ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ การสื่อสารและเขียน มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี
Otter AI บันทึกและถอดเสียงประชุม ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ การประชุมและบันทึก รองรับหลายภาษา
MeetGeek AI Meeting Assistant ราคาขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ การประชุมและทีมเวิร์ก มีความแม่นยำสูง

ตารางนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของความแตกต่างในแต่ละเครื่องมือ ซึ่งควรพิจารณาควบคู่ไปกับความต้องการและเป้าหมายของธุรกิจคุณ

จากข้อมูล พบว่า 78% ของธุรกิจที่นำระบบอัตโนมัติมาใช้สามารถลดงานที่ต้องทำด้วยมือได้ และ 32% รายงานว่าความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น

แนวทางการเลือกเครื่องมือสำหรับธุรกิจ SME

ธุรกิจ SME ควรเริ่มต้นด้วยการประเมินความต้องการเฉพาะ เช่น การจัดการลูกค้า การตลาด หรือการบริหารเอกสาร การทดลองใช้งานฟรี (Free Trial) เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้นโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ตัวอย่างเช่น:

  • Zapier และ Grammarly AI เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากมีแผนทดลองใช้ฟรี
  • สำหรับร้านค้าออนไลน์ Omnisend เป็นตัวเลือกที่ครอบคลุมด้านการตลาด
  • หากธุรกิจของคุณต้องการระบบบัญชีที่รองรับกฎหมายไทย AccRevo คือคำตอบที่เหมาะสม

การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจ SME ประหยัดเวลาได้ถึง 30% และเพิ่มอัตราการแปลงลูกค้าได้อีก 30% ซึ่งส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ

ก่อนเลือกเครื่องมือใด ๆ ให้พิจารณา 3 ปัจจัยหลัก:

  • การเชื่อมต่อกับระบบที่มีอยู่: ตรวจสอบว่าเครื่องมือสามารถทำงานร่วมกับระบบเดิมของคุณได้หรือไม่
  • ความง่ายในการใช้งาน: เลือกเครื่องมือที่ทีมของคุณสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกอบรมมาก
  • ต้นทุนรวมในระยะยาว: คำนึงถึงค่าใช้จ่ายทั้งในปัจจุบันและอนาคต

เริ่มต้นด้วยเครื่องมือที่ต้นทุนไม่สูงและค่อย ๆ ขยายไปยังระบบที่ซับซ้อนมากขึ้นเมื่อธุรกิจของคุณเติบโต!

สรุป

การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในธุรกิจ SME ไม่ใช่แค่กระแสที่มาแล้วก็ไป แต่มันกลายเป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัลนี้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าระบบอัตโนมัติช่วยลดเวลาการทำงานด้วยมือได้ถึง 40%, ลดข้อผิดพลาดลง 30% และเพิ่มความพึงพอใจของพนักงานได้สูงถึง 75% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้จากการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในธุรกิจ SME

ประโยชน์ที่ระบบอัตโนมัติมอบให้กับ SME ครอบคลุมหลายด้าน เช่น การจัดการงานซ้ำซ้อนที่คิดเป็น 50% ของงานทั้งหมด, เพิ่มเวลาให้พนักงานได้ถึง 80% เพื่อเน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า, ลดต้นทุนการดำเนินงานลง 15-20% และเพิ่มความแม่นยำในการทำงานได้ถึง 68%.

กุญแจสำคัญของความสำเร็จคือการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ธุรกิจควรเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์กระบวนการทำงานในปัจจุบัน เพื่อระบุจุดที่เสียเวลาและทรัพยากรมากที่สุด. การทดลองใช้งานฟรีเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการประเมินความเหมาะสมของเครื่องมือ โดยไม่ต้องลงทุนเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่เริ่ม

สำหรับ SME ไทย การเลือกเครื่องมือที่รองรับภาษาไทยและสอดคล้องกับกฎหมายในประเทศ เช่น AccRevo และ VenueE Performance Marketing จะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างชัดเจนและวัดผลได้

การลงทุนในระบบอัตโนมัติไม่ได้เป็นแค่การลดต้นทุนหรือประหยัดเวลา แต่ยังเป็นการเตรียมธุรกิจให้พร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต. ธุรกิจที่ใช้ระบบอัตโนมัติสามารถขยายการดำเนินงานได้โดยไม่ต้องเพิ่มทรัพยากรในอัตราส่วนเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถปรับตัวได้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด

"91% ของธุรกิจขนาดเล็กและกลางกล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะพิจารณาใช้บริการระบบอัตโนมัติและ AI เช่น ChatGPT ในปีหน้า เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาด" – Visa's Global Back to Business Study.

เริ่มต้นด้วยการปรับใช้ระบบอัตโนมัติในกระบวนการที่ให้ผลลัพธ์ทันที และค่อยๆ ขยายไปสู่ระบบที่ซับซ้อนมากขึ้นเมื่อทีมงานเริ่มปรับตัวได้. การฝึกอบรมพนักงานและการสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงดำเนินไปอย่างราบรื่น

ระบบอัตโนมัติไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่ช่วยให้ SME มีเวลาและทรัพยากรไปมุ่งเน้นงานที่สร้างมูลค่าสูง และพร้อมสำหรับการเติบโตในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

FAQs

ระบบอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจ SME ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร?

ระบบอัตโนมัติ: ตัวช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจ SME

การนำระบบอัตโนมัติมาใช้สามารถช่วยธุรกิจ SME ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในงานที่ต้องทำซ้ำๆ หรือใช้เวลามากเกินไป ตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์จัดการเอกสารหรือระบบประมวลผลข้อมูลที่ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนแรงงานในระยะยาวได้อีกด้วย

อีกหนึ่งข้อดีของระบบอัตโนมัติคือความสามารถในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ เช่น การเงินและบัญชี ด้วยความแม่นยำที่สูงขึ้น ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การจ้างพนักงานเพิ่ม หรือการแก้ไขข้อผิดพลาดจากกระบวนการดั้งเดิม

เทคโนโลยีคลาวด์และระบบอัตโนมัติยังมีบทบาทสำคัญในการลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดเก็บและบำรุงรักษาข้อมูล นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ ทำให้สามารถปรับตัวได้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

ระบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ SME ได้อย่างไร?

การใช้ระบบอัตโนมัติในงานการตลาด: ตัวช่วยธุรกิจ SME

ระบบอัตโนมัติ กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยธุรกิจ SME จัดการงานการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่เพียงช่วยลดงานที่ซ้ำซ้อน แต่ยังเพิ่มความแม่นยำในกระบวนการทำงาน ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสามารถติดตามพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างละเอียดมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ปรับกลยุทธ์การตลาดได้ตรงจุดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งแน่นอนว่าเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดในหลายด้าน เช่น การส่งอีเมลอัตโนมัติ การจัดการฐานข้อมูลลูกค้า และการวิเคราะห์ผลลัพธ์จากแคมเปญต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานมีเวลาโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่าได้มากขึ้น ธุรกิจที่นำระบบอัตโนมัติมาใช้มักพบว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นในระยะยาว พร้อมกับการลดต้นทุนการดำเนินงานที่ชัดเจน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในยุคที่การแข่งขันสูงเช่นนี้

ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้ระบบอัตโนมัติสำหรับธุรกิจ SME มีอะไรบ้าง?

การเลือกระบบอัตโนมัติที่เหมาะสมสำหรับ SME

การเลือกใช้ระบบอัตโนมัติที่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจ SME ไม่ใช่แค่เรื่องของการหาเครื่องมือที่ดูทันสมัย แต่ต้องพิจารณาจากปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีดังนี้:

  • ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ
    ก่อนอื่น คุณต้องรู้ว่าธุรกิจของคุณต้องการอะไร เช่น ต้องการลดเวลาในงานจัดการข้อมูลลูกค้า การออกใบแจ้งหนี้ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในงานการตลาดออนไลน์ เลือกเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ตรงจุด
  • ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
    ระบบที่ดีควรมีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ทีมงานสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกอบรมมากนัก เพราะความสะดวกในการใช้งานจะช่วยลดอุปสรรคในกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอัตโนมัติ
  • การเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ
    ตรวจสอบว่าเครื่องมือที่คุณเลือกสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่คุณใช้อยู่ได้ เช่น ระบบบัญชีหรือระบบ CRM การรวมระบบที่ราบรื่นช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่สะดุด
  • ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับงบประมาณ
    อย่าลืมดูเรื่องค่าใช้จ่าย เลือกเครื่องมือที่ไม่เกินงบประมาณของคุณ และต้องมีความสามารถในการปรับขยายการใช้งานตามการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

การเลือกระบบอัตโนมัติที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยลดงานที่ซ้ำซ้อน แต่ยังเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการทำงาน ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจในด้านที่สร้างผลกำไรและมูลค่าได้มากขึ้นอีกด้วย!

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ