Published May 27, 2025 ⦁ 4 min read

เรียนรู้วิธีการใช้ Remarketing เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าสำหรับคลินิกความงามอย่างมีประสิทธิภาพ

Remarketing สำหรับคลินิกความงาม

Remarketing สำหรับคลินิกความงาม

Remarketing คืออะไร?
Remarketing ช่วยให้คลินิกความงามสามารถเข้าถึงลูกค้าที่เคยแสดงความสนใจในบริการ เช่น เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง Pixel Tags เพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงใจบนแพลตฟอร์มอย่าง Google, Facebook และ Instagram

ทำไมคลินิกความงามควรใช้ Remarketing?

  • เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ
  • ลดต้นทุนการหาลูกค้าใหม่
  • เพิ่ม ROI ด้วยการมุ่งเป้าหมายที่แม่นยำ
  • สร้างการจดจำแบรนด์

กลยุทธ์สำคัญ:

  1. โฆษณาแบบปรับแต่ง: เช่น แสดงโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม
  2. Remarketing ผ่านอีเมล/SMS: ส่งข้อความเตือนนัดหมายหรือข้อเสนอพิเศษ
  3. แบ่งกลุ่มผู้ชม: ตามพฤติกรรมหรือความสนใจ

แพลตฟอร์มที่ควรใช้:

  • Google Ads: ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้และเพิ่ม Conversion
  • Facebook/Instagram: ใช้ภาพและวิดีโอคุณภาพสูงเพื่อดึงดูดความสนใจ

การวัดผลและปรับปรุง:

  • ติดตาม ROAS, CTR, CVR
  • ปรับงบประมาณและเนื้อหาโฆษณาอย่างต่อเนื่อง

เริ่มต้นอย่างไร?

  • ใช้กลยุทธ์ Remarketing ที่เหมาะกับคลินิก
  • ตั้งงบประมาณเริ่มต้น 60,000-150,000 บาทต่อเดือน
  • ทดสอบและปรับปรุงโฆษณาเพื่อหาสิ่งที่ได้ผลดีที่สุด

การทำ Remarketing ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากวางแผนและติดตามผลอย่างเหมาะสม

กลยุทธ์ คลินิกเสริมความงาม ยิงแอดคลีนิคเสริมความงาม ยังไงให้แชทแตก | Facebook Ads

กลยุทธ์ Remarketing หลักสำหรับคลินิกความงาม

หลังจากที่เราได้พูดถึงพื้นฐานของ Remarketing กันไปแล้ว คราวนี้มาดูกันว่าคลินิกความงามสามารถใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ อย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ที่คุ้มค่า การวางแผนแคมเปญที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า

โฆษณาแบบปรับแต่งเพื่อความตรงใจ (Custom Ad Campaigns)

การปรับแต่งโฆษณาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้ผลจริง สถิติแสดงให้เห็นว่าลูกค้าประจำมักใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าใหม่ถึง 67% และหากปรับแต่งข้อความ Call-to-Action อย่างเหมาะสม อัตราการคลิกสามารถพุ่งสูงขึ้นถึง 202% ตัวอย่างที่น่าสนใจคือแบรนด์ Steve Madden ที่ใช้ AI ในการแสดงโฆษณาสินค้าที่ตรงกับประวัติการเข้าชมของลูกค้า ส่งผลให้อัตราการแปลงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับคลินิกความงาม คุณสามารถนำแนวคิดนี้มาใช้ได้ เช่น หากลูกค้าเคยดูข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ คุณอาจแสดงโฆษณาที่เน้นผลลัพธ์หลังการฉีด พร้อมข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลด 20% สำหรับการจองครั้งแรก หรือหากมีลูกค้าเข้าชมหน้าการจองแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ คุณสามารถส่งโฆษณาเตือนความจำพร้อมโปรโมชั่นเสริม เช่น “จองภายใน 7 วัน รับของแถมฟรี!”

การใช้ข้อมูลพฤติกรรมช่วยให้โฆษณาดูเป็นส่วนตัวและตรงใจมากขึ้น ลูกค้าจะรู้สึกว่าคลินิกเข้าใจความต้องการของพวกเขา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ 80% ของลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อจากแบรนด์ที่มอบประสบการณ์เฉพาะตัว.

นอกจากโฆษณา คุณยังสามารถใช้ช่องทางอื่น เช่น อีเมลและ SMS เพื่อสร้างความสัมพันธ์ต่อเนื่องกับลูกค้า

Remarketing ผ่านอีเมลและ SMS

อีเมลและ SMS ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเชื่อมต่อกับลูกค้า โดยเฉพาะ SMS ที่มีอัตราการเปิดสูงถึง 98%. ตัวอย่างเช่น แบรนด์ FragranceBuy ใช้อีเมลแบบปรับแต่งเพื่อเตือนลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกทิ้งไว้ในตะกร้า พร้อมแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้อัตราการแปลงเพิ่มขึ้นถึง 35%.

สำหรับคลินิกความงาม การใช้อีเมลและ SMS ให้ได้ผลดี ควรมีการวางแผนที่ชัดเจน เช่น การส่งข้อความในช่วงเวลาที่เหมาะสม (ระหว่าง 9.00 น. ถึง 20.00 น.) และการแบ่งกลุ่มผู้รับตามพฤติกรรมหรือความสนใจ.

ตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่:

  • ส่ง SMS เตือนนัดหมายล่วงหน้า 24 ชั่วโมง
  • อีเมลวันเกิดพร้อมคูปองส่วนลดพิเศษ
  • ข้อความติดตามหลังการรักษาเพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติม

การรักษาลูกค้าเดิมมีต้นทุนต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ถึง 5-10 เท่า. อีกตัวอย่างคือแบรนด์ FRÉ Skincare ที่ใช้อีเมลเชิญลูกค้าให้รีวิวสินค้า พร้อมเสนอให้รีวิวของพวกเขาถูกนำไปแสดงบนเว็บไซต์ ซึ่งช่วยเพิ่มความผูกพันและการมีส่วนร่วมของลูกค้า.

การส่งข้อความที่เหมาะสมและตรงจุดจะช่วยให้ Remarketing มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคุณแบ่งกลุ่มผู้ชมอย่างละเอียด

การแบ่งกลุ่มผู้ชมเพื่อความแม่นยำ (Audience Segmentation Methods)

การแบ่งกลุ่มผู้ชมเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้การ Remarketing ตรงเป้าหมายมากขึ้น คุณสามารถแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรม ประวัติการใช้บริการ หรือความสนใจเฉพาะของลูกค้า วิธีนี้ช่วยให้ข้อความที่ส่งไปมีความเกี่ยวข้องและดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น.

แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับ Remarketing

การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญ Remarketing ของคลินิกเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่า แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นเฉพาะตัวและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน หากเข้าใจลักษณะของแต่ละช่องทาง คุณจะสามารถวางแผนกลยุทธ์ที่ตรงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Google Ads

Google Ads ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับ Remarketing เพราะสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างกว้างขวางผ่าน Google Search Network, Google Display Network และเว็บไซต์พันธมิตร การติดตั้ง pixel เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์ช่วยให้คุณสร้างกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เช่น ผู้ที่เยี่ยมชมหน้าแรก ผู้ที่ดูข้อมูลบริการเฉพาะ หรือผู้ที่เริ่มกระบวนการจองแต่ยังไม่เสร็จสิ้น

Google Ads Remarketing ยังช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในโฆษณา (ROAS) ได้ถึง 20 เท่า โดยลูกค้าที่ถูก retarget มีโอกาสแปลงเป็นลูกค้าจริงมากกว่าผู้ใช้ใหม่ถึง 70% และอัตราการคลิกโฆษณา retargeted สูงกว่าโฆษณาทั่วไปถึง 10 เท่า ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ สปาที่ให้บริการนวดและทรีทเมนต์ใบหน้า สามารถสร้างยอดแปลงได้ถึง 67 ครั้ง ด้วยค่าใช้จ่ายเพียง 4.17 ดอลลาร์ต่อการแปลง

Google Ads มีตัวเลือกการออกแบบโฆษณาหลากหลาย ตั้งแต่โฆษณาแบบแบนเนอร์ ข้อความ ไปจนถึงโฆษณาแบบไดนามิกที่ปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมผู้ใช้โดยอัตโนมัติ สำหรับคลินิกความงาม การใช้ภาพก่อน-หลังการรักษาในโฆษณาแบบแสดงผลมักได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม ต่อไปเราจะมาดู Facebook และ Instagram ที่เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

Facebook และ Instagram Remarketing

Facebook และ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจความงาม เพราะเน้นการนำเสนอคอนเทนต์ภาพและวิดีโอที่ดึงดูดสายตา ในประเทศไทย Facebook มีผู้ใช้มากถึง 52 ล้านคน โดย 94% ใช้งานผ่านมือถือ และ 68% มีส่วนร่วมกับ Stories วิดีโอคอนเทนต์บน Facebook ยังสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงกว่าโพสต์ภาพนิ่งถึง 3.2 เท่า และเนื้อหาภาษาไทยมีประสิทธิภาพดีกว่าเนื้อหาภาษาอังกฤษอย่างเดียวถึง 2.7 เท่า

การใช้ Carousel Ads เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับคลินิกความงาม เพราะสามารถนำเสนอหลายบริการในโฆษณาเดียว เช่น การฉีดโบท็อกซ์ การทำเลเซอร์ หรือการดูแลผิวหน้า ในขณะที่ Story และ Reel Ads ช่วยดึงดูดความสนใจด้วยวิดีโอสั้น ๆ ที่กระชับและน่าสนใจ

คลินิกความงามควรลงทุนในภาพและวิดีโอคุณภาพสูงเพื่อแสดงผลลัพธ์ก่อน-หลังการรักษา การสาธิตขั้นตอนการทำงาน หรือคำรับรองจากลูกค้าจริง การทำ A/B testing กับโฆษณารูปแบบต่าง ๆ ยังช่วยให้คุณค้นพบกลยุทธ์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

การออกแบบโฆษณาสำหรับผู้บริโภคไทย

การสร้างโฆษณาที่เข้าถึงใจผู้บริโภคชาวไทยจำเป็นต้องเข้าใจวัฒนธรรมและความชอบเฉพาะตัวของคนไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมคลินิกความงาม ซึ่งเน้นเรื่องการดูแลตัวเองและความงาม ข้อมูลชี้ว่า 84% ของคนไทยซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม และยอดขายในหมวดนี้เพิ่มขึ้นถึง 292% นี่แสดงถึงโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

ความสำเร็จของแคมเปญ Remarketing ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกแพลตฟอร์มเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการออกแบบโฆษณาที่สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากข้อมูลที่ระบุว่าแบรนด์กว่า 1,300 แบรนด์ ลงทุนในสื่อดิจิทัล และมีการผลิตโฆษณาดิจิทัลมากกว่า 36,000 ชิ้น จึงเป็นที่ชัดเจนว่า การออกแบบภาพและข้อความที่โดดเด่นเป็นกุญแจสำคัญในตลาดนี้

แนวทางการออกแบบภาพที่ดึงดูดใจ

การออกแบบภาพโฆษณาสำหรับคลินิกความงามควรตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคไทยอย่างตรงจุด โดยพบว่า 60% ของคนไทยต้องการดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง และ 44% ต้องการผิวที่ดูดีขึ้น การใช้ภาพก่อน-หลังที่แสดงผลลัพธ์อย่างชัดเจนจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้ผล

สี ที่ใช้ในโฆษณาก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเช่นกัน ตัวอย่างเช่น:

  • สีน้ำเงิน: ให้ความรู้สึกสงบและน่าเชื่อถือ เหมาะกับการสร้างความไว้วางใจในบริการของคลินิก
  • สีขาวและโทนสีอ่อน: ช่วยสื่อถึงความสะอาดและความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมนี้

อีกหนึ่งแนวโน้มที่กำลังมาแรงคือการออกแบบพื้นที่และผลิตภัณฑ์ให้ดูโดดเด่นและ "ถ่ายรูปขึ้น" การสร้างมุมถ่ายรูปในคลินิกที่สวยงาม หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดูดีในภาพถ่าย สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์ในโซเชียลมีเดียได้

สำหรับโฆษณาดิจิทัล ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอ การลงทุนในภาพคุณภาพสูงถือเป็นสิ่งจำเป็น ภาพควรมีความคมชัด แสดงรายละเอียดได้ดี และใช้แสงธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวของแบบดูสุขภาพดี

เทคนิคการเขียนข้อความโฆษณาภาษาไทย

นอกจากภาพที่ดึงดูดแล้ว การเขียนข้อความโฆษณาที่ได้ผลสำหรับผู้บริโภคไทยต้องเน้นการสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ โดยคนไทยมักชื่นชอบเนื้อหาที่เล่าเรื่อง สร้างความรู้สึก หรือทำให้หัวเราะ มากกว่าการขายผลิตภัณฑ์แบบตรงไปตรงมา

ภาษาไทยมีบทบาทสำคัญในการสื่อสาร เนื่องจาก 97% ของประชากรไทยใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก การใช้ถ้อยคำที่เข้าใจง่าย สอดคล้องกับวัฒนธรรม และแทรกอารมณ์ขันหรือสแลงที่เหมาะสม จะช่วยสร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

"Price, quality, and availability of service are the key selling factors in Thailand. Additionally, relationships and trust are critically important when selling products and services in Thailand, especially to the government." - Thailand Country Commercial Guide

เมื่อภาพและข้อความสามารถสะท้อนพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภคไทยได้ โฆษณาก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ Remarketing และส่งผลดีต่อ ROI ในระยะยาวอย่างแน่นอน

sbb-itb-4ffe5b5

การวัดผลและปรับปรุงแคมเปญ

เมื่อพูดถึงกลยุทธ์ Remarketing การวัดผลอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่ากลยุทธ์ของคุณทำงานได้ดีแค่ไหน และยังช่วยชี้แนะแนวทางในการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญให้ดียิ่งขึ้น

ตัวชี้วัดหลักที่ควรติดตาม

มีตัวชี้วัดสำคัญที่ควรให้ความสนใจดังนี้:

Return on Ad Spend (ROAS)
ROAS บอกถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในโฆษณา สำหรับคลินิกความงาม ROAS ที่เหมาะสมคือ 4:1 หรือมากกว่า นั่นหมายความว่าถ้าคุณลงทุน 1,000 บาท คุณควรได้รับรายได้กลับมาอย่างน้อย 4,000 บาท

Click-Through Rate (CTR)
CTR วัดอัตราการคลิกของผู้ใช้ที่เห็นโฆษณา ยิ่ง CTR สูงเท่าไหร่ แสดงว่าโฆษณาของคุณตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยของ Nielsen พบว่า CTR ไม่ได้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการจดจำโฆษณา ความตระหนักรู้ หรือความตั้งใจซื้อของผู้บริโภค

Conversion Rate (CVR)
CVR คือเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่คลิกโฆษณาแล้วดำเนินการตามเป้าหมาย เช่น การจองบริการหรือซื้อแพ็กเกจ สำหรับคลินิกความงาม CVR ที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 2-5%

Cost Per Acquisition (CPA)
CPA คือค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการได้ลูกค้าใหม่ 1 คน การคำนวณ CPA ควรอิงจาก Lifetime Value (LTV) ของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนคุ้มค่า

Average Order Value (AOV)
AOV คือมูลค่าเฉลี่ยของการซื้อในแต่ละครั้ง วิธีเพิ่ม AOV คือการเสนอแพ็กเกจแบบรวม หรือการ upsell บริการเสริม เช่น การขายชุด "ดูแลผิวครบครัน" ที่รวมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ครีมบำรุง และเซรั่มในราคาพิเศษ วิธีนี้ช่วยกระตุ้นยอดขายโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การติดตามตัวชี้วัดเหล่านี้จะช่วยให้คุณระบุจุดที่ต้องปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญได้ดียิ่งขึ้น

เทคนิคการปรับปรุงงบประมาณ

การจัดการงบประมาณอย่างชาญฉลาดเป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Remarketing โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างคลินิกความงาม

เริ่มต้นด้วยงบประมาณเล็ก
สำหรับคลินิกที่เพิ่งเริ่มต้น กลยุทธ์ที่ปลอดภัยคือการเริ่มต้นด้วยงบประมาณเล็ก ๆ และค่อย ๆ เพิ่มตามผลลัพธ์ที่ได้รับ ควรตั้งงบประมาณรายวันและงบประมาณรวมสำหรับแคมเปญเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

วิเคราะห์ ROI อย่างต่อเนื่อง
การวิเคราะห์ ROI อย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณตัดสินใจปรับงบประมาณได้อย่างแม่นยำ การติดตามผลตอบแทนจากการลงทุนจะช่วยให้คุณปรับปรุงแคมเปญ Remarketing ได้อย่างต่อเนื่อง

สรุปและขั้นตอนต่อไป

การทำ Remarketing เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คลินิกความงามเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า จากข้อมูลที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนที่มีระบบและการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือแนวทางที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ทันทีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน

เริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น Cart Abandonment Remarketing และ Dynamic Product Remarketing ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสำหรับคลินิกความงาม โดยเน้นการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าเคยแสดงความสนใจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

อีกหนึ่งเทคนิคที่ควรนำมาใช้คือการตั้งค่า Frequency Cap หรือการจำกัดจำนวนครั้งที่โฆษณาจะแสดงให้ผู้ใช้คนเดียวกันเห็น แนะนำให้จำกัดไว้ที่ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความรำคาญแก่ลูกค้า หลังจากตั้งค่า Frequency Cap แล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการวางแผนงบประมาณที่เหมาะสม

สำหรับคลินิกที่เพิ่งเริ่มต้น ควรตั้งงบประมาณรายเดือนระหว่าง 60,000-150,000 บาท และส่งข้อความเตือนเกี่ยวกับตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้งภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมข้อความติดตามเพิ่มเติมภายใน 48 ชั่วโมง โดยค่าใช้จ่ายต่อคลิกในอุตสาหกรรมความงามมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 45-210 บาท ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาทำรายการจนสำเร็จ

FragranceBuy ใช้การส่งอีเมลแบบเฉพาะบุคคลเพื่อเตือนลูกค้าเกี่ยวกับตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มอัตราการแปลงผ่านอีเมลได้ถึง 35%

เมื่อเริ่มดำเนินการแล้ว สิ่งสำคัญคือการ ทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ลองเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สี ข้อความ รูปภาพในโฆษณา หรือหน้า Landing Page เพื่อค้นหาสิ่งที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด

ในส่วนของการวัดผล ควรติดตามตัวชี้วัดสำคัญ เช่น ROAS, Conversion Rate และ Cost Per Acquisition พร้อมตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับ Customer Lifetime Value ของคลินิก เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลลัพธ์และปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม

สุดท้าย อย่าลืมรักษาความสม่ำเสมอในการสื่อสารแบรนด์บนทุกแพลตฟอร์ม และอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องตามข้อมูลผลการดำเนินงาน ด้วยวิธีนี้ การทำ Remarketing จะกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว และช่วยให้กลยุทธ์ด้านการตลาดของคลินิกแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทุกมิติ

FAQs

Remarketing คืออะไร และต่างจากการโฆษณาออนไลน์ทั่วไปอย่างไร?

Remarketing คืออะไร?

Remarketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือการดูเนื้อหาเฉพาะบางอย่าง แตกต่างจากการโฆษณาออนไลน์ทั่วไปที่พยายามเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง กลยุทธ์นี้จะใช้ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น คุกกี้ เพื่อนำเสนอโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ทำไม Remarketing ถึงได้ผล? เพราะมันช่วยให้แบรนด์สามารถกลับมาเชื่อมต่อกับผู้ที่เคยสนใจสินค้า/บริการของคุณมาก่อน ทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่ผู้ชมเหล่านี้จะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าจริง

ข้อดีของ Remarketing

  • เพิ่มโอกาสในการขาย: การแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจช่วยให้ผู้ใช้งานตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
  • สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว: ช่วยให้แบรนด์ยังคงอยู่ในความสนใจของลูกค้าเดิม
  • ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า: ลดการสูญเปล่าในงบประมาณโฆษณา และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วย Remarketing ธุรกิจสามารถเจาะจงการสื่อสารได้อย่างแม่นยำและเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิผล!

คลินิกความงามที่มีงบประมาณจำกัดสามารถเริ่มต้นการทำ Remarketing ได้อย่างไร?

คลินิกความงามที่ต้องการเริ่มต้นการทำ Remarketing แต่มีงบประมาณจำกัด สามารถเริ่มต้นได้ด้วยวิธีที่ง่ายและคุ้มค่า เช่น การสร้างโฆษณาที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือเคยใช้บริการมาก่อน โดยการใช้ข้อมูลจากเครื่องมืออย่าง Google Analytics จะช่วยให้คุณระบุกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

อีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจคือการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram เพื่อสร้างโฆษณาที่ดึงดูดใจลูกค้าเดิม โฆษณาเหล่านี้ควรเน้นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ชม เช่น โปรโมชั่นพิเศษ หรือบริการใหม่ๆ ที่พวกเขาอาจสนใจ การเลือกภาพและข้อความที่โดนใจและสื่อถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าใน Remarketing ช่วยเพิ่มยอดขายให้คลินิกความงามได้อย่างไร?

การใช้ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าในกลยุทธ์ Remarketing

การนำข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้ามาใช้ในกลยุทธ์ Remarketing ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับคลินิกความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่มีค่า เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ การจองบริการ หรือประวัติการซื้อสินค้า สามารถนำไปสร้างโฆษณาที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แบบเฉพาะตัว ได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยดึงดูดและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง

อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลคือการส่งข้อความที่มีความเป็นส่วนตัว เช่น การส่งอีเมลแจ้งโปรโมชั่นพิเศษ หรือข้อเสนอที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับลูกค้าที่เคยใช้บริการ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างความประทับใจ แต่ยังช่วยเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อีกด้วย

สำหรับตลาดในประเทศไทย การปรับแต่งข้อความโฆษณาให้เข้ากับความต้องการและความสนใจของลูกค้า เช่น การเน้นย้ำเรื่องความงามและคุณค่าเฉพาะบุคคล เป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ การใช้ภาษาที่สื่อถึงความใกล้ชิดและเป็นกันเองยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับแคมเปญโฆษณาอีกด้วย

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ